Page 156 - J Trad Med 21-1-2566
P. 156
136 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก ปีที่ 21 ฉบับที่ 1 มกราคม-เมษายน 2566
บริบทนี้น่าจะเป็นอาการเนื้องอก หรือก้อนเนื้อที่มีปุ่ม หรือผิดรูปจากปกติ และล�าดับต่อมาคือ อาการเกี่ยว
ปม เป็นก้อนลักษณะคล้ายกับหูด ค�าว่า “เป็นต่อมเป็น กับระบบทางเดินอาหารหรือในช่องท้อง มี 2 อาการ
[9]
เต้า’’ คือ ต่อม ตุ่ม จุดเม็ด สิ่งที่นูนขึ้นเล็กน้อย ใน คือ (1) ท้องขึ้นท้องพอง (2) เจ็บท้องต้องไส้ ซึ่งเป็น
บริบทนี้น่าจะเป็นค�าขยายอธิบายลักษณะของหูดและ อาการทางเดินอาหาร แต่ค�าว่า “ท้องขึ้นท้องพอง’’
เปา ว่าเป็นตุ่มเล็กบริเวณผิวหนัง และมีส�านวนว่า เป็น ปัจจุบัน ใช้เรียกผลไม้บางอย่างที่ช�้าจวนจะเสีย เช่น
[12]
หูดเป็นเปา หมายถึง ผิวตะปุ่มตะป�่า ส่วนพจนานุกรม กล้วยท้องขึ้นท้องพอง คือกล้วยที่ช�้าจวนจะเสีย
โบราณศัพท์ ฉบับราชบัณฑิตยสภา ให้ความหมายว่า ส่วนอาการฝ้าตา ตาฟูหูหนวก ผู้วิจัยสันนิษฐานว่า
เม็ดเล็ก ๆ ก้อนกลมเล็ก ๆ ค�าว่า “ง่อย’’ หมายถึง เป็นค�าที่กล่าวถึงลักษณะความผิดปกติของดวงตา
[10]
อาการแขนหรือขาพิการเคลื่อนไหวไม่ได้อย่างปกติ ที่ส่งผลต่อการมองเห็นหรือตาบอด หรือที่เรียกว่า
ล้านนาใช้ง่วย โง่ย, หง่อย หรือเป็นเปลี้ย ดังนั้น เป็น “ตาฟู’’ และลักษณะของหูที่ไม่ได้ยินเสียง หรือที่เรียก
[10]
ง่อยเป็นเพลี้ย(เปลี้ย) เป็นค�าซ้อน ส่วนค�าว่า “กระจอก ว่า “หูหนวก’’
งอกง่อย’’ เป็นค�าที่เกิดจากค�าว่า กระจอก งอก และ
ง่อย ค�าว่ากระจอก เป็นค�าที่ใกล้เคียงกับค�าเขมรว่า 3. ก�รศึกษ�เปรียบเทียบกับเอกส�รชั้นหลัง
ขฺจก (อ่านว่า ขะ -จอก) แปลว่า ขาพิการ คนขจอก ก็ และปัจจุบัน
คือ คนพิการ เดินไม่ถนัดหรือเดินไม่ได้ มีความหมาย จากเอกสารใบลานของล้านนาเรื่องการถือน�้าสัจ
ตรงกับค�าว่า ง่อย ส่วนค�าว่า งอก เติมเข้ามาเพื่อให้เป็น จา (การถือน�้าสาบาน) ของเจ้าเมืองตอนบน (เชียงแสน
ค�า 4 พยางค์ ที่มีเสียงสัมผัส [11] เมืองวะ เมืองยอง เมืองหลวย เมืองกาย เมืองลวง
จากข้อความการเรียกชื่อโรคในไตรภูมิกถา เมืองเชียงรุ้ง เมืองหุน) พ.ศ. 2354 ปรากฏชื่อโรค
มีลักษณะใช้ค�าที่มีเสียงสัมผัสสระ และการใช้ค�า บางโรคเหมือนกับชื่อโรคและอาการจารึกค�าอธิษฐาน
ซ้อน ในการเรียกชื่อโรคและอาการที่เหมือนกันกับ และในไตรภูมิกถา ความว่า “...หื้อเป็นอั่งเป็นอ้ะ เป็น
จารึกค�าอธิษฐาน เช่น ในไตรภูมิกถาใช้ค�าว่า “ไข้เจ็บ หูดเป็นเปา เป็นมองเป็นทุย ตาบอดหูหนวก เป็นคน
เหน็ดเหนื่อย’’ แต่ในจารึกค�าอธิษฐานใช้ค�าว่า “ไข้เจ็บ ทลิททะอันถ่อยร้าย...พยาธิ 96 จำาพวก ก็หื้อเถิงแก่
เล็บเหนื่อย’’ เป็นต้น และโรคที่กล่าวถึงมากที่สุดที่ ผู้ข้าทั้งหลายชุผู้ชุคนแล ข้อความดังกล่าว ได้ระบุ
[13]
ปรากฏหลักฐานชั้นปฐมภูมิในสมัยสุโขทัย จากจารึก ถึงลักษณะโรค หูดแล เปา ซึ่งเป็นโรคผิวหนังเนื้อ
ค�าอธิษฐานและวรรณกรรมไตรภูมิกถานั้นคือโรค ตัวเป็นตะปุ่มตะป�่า อาจมองว่าเป็นโรคที่น่ารังเกียจ
ผิวหนัง จ�านวน 9 โรค คือ (1) หิด (2) เรื้อน (3) เกลื้อน เพราะมีพยาธิสภาพที่ผิวหนังร่างกาย อ้ะ หมายถึง
[9]
[13]
(4) หูด (5) เปา (6) ฝี (7) ฝีเต่ง/ฝีติ่ง (8) ฝีมะเร็ง (9) คนใบ้ คนพูดติดอ่าง มอง หมายถึง คนที่มีจิตใจ
ล�าโหด ซึ่งโรคเหล่านีมีพยาธิสภาพที่ผิวหนัง มีอาการ ตรงข้ามกับเพศของตน(9) ทุย หมายถึง กระเทย คน
[9]
คัน หากอักเสบจะมีอาการแสบร้อน เกิดแผลเปื่อย ครึ่งหญิงครึ่งชาย คนทลิททะ หมายถึง คนยากจน
เน่าได้ รองลงมาคือ โรคระบบกล้ามเนื้อและกระดูก เข็ญใจ และ อาการ”ตาบอดหูหนวก’’ ซึ่งปรากฏใน
[13]
พบจ�านวน 3 อาการ คือ (1) ง่อย (2) กระจอก (3) ห้า ไตรภูมิกถา ว่า “ตาฟูหูหนวก’’ ในจารึกค�าอธิษฐาน
น ซึ่งเป็นอาการผิดปกติของร่างกายแขนขา อ่อนแรง ว่า “ฝ้าตา’’ สันนิษฐานว่าเป็นลักษณะอาการโรคของ