Page 117 - วารสารกรมการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 17 ฉบับที่ 3
P. 117
J Thai Trad Alt Med Vol. 17 No. 3 Sep-Dec 2019 467
ผู้สังเกตการณ์ 3 คน ที่มีคุณสมบัติดังนี้ (1) เป็น ผลก�รศึกษ�
นักดนตรีบำาบัดหรือนักศึกษาดนตรีบำาบัด (2) มี 1. ผลการวิเคราะห์ความถี่การมีปฏิสัมพันธ์
ประสบการณ์ในการบำาบัดเด็กที่เป็นออทิซึมเพื่อ ร่วมทางสังคมจำาแนกตามองค์ประกอบของดนตรี
เป้าหมายการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมทางสังคม (3) มี และกิจกรรมดนตรีบำาบัดของกรณีศึกษา 3 ราย
ประสบการณ์ทางดนตรีมากกว่า 5 ปี และ (4) ผ่าน 1.1 กรณีศึกษา A
การเรียนทฤษฎีดนตรี ประวัติศาสตร์ดนตรี และ ผลการวิเคราะห์ความถี่การมีปฏิสัมพันธ์
ปฏิบัติดนตรีในระดับปริญญาตรี ซึ่งผู้สังเกตการณ์ ร่วมทางสังคมจำาแนกตามองค์ประกอบของดนตรี
ทุกคนจะต้องมีความเข้าใจในการใช้แบบบันทึกข้อมูล ของกรณีศึกษา A พบว่า องค์ประกอบของดนตรีที่ส่ง
สำาหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลในครั้งนี้อย่างสอดคล้อง เสริมการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมทางสังคมของกรณีศึกษา
กัน การวิจัยครั้งนี้ดำาเนินการทดสอบความสอดคล้อง A มากที่สุดคือ องค์ประกอบด้านระดับเสียง/ทำานอง
ระหว่างผู้สังเกตการณ์ โดยการนำาเทปวิดีโอการ (f = 46) รองลงมาคือองค์ประกอบด้านเนื้อเพลง (f =
บำาบัด 1 ครั้ง มาให้ผู้สังเกตการณ์แต่ละท่านทดลอง 42) และองค์ประกอบด้านสีสันของเสียง (f = 24) เมื่อ
บันทึกข้อมูลลงในแบบบันทึก เพื่อตรวจสอบความ พิจารณาความถี่ของการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมทางสังคม
สอดคล้องของผลการสังเกต และนำาผลของการสังเกต จำาแนกตามกิจกรรมดนตรีบำาบัด พบว่า กิจกรรม
มาทำาความเข้าใจให้สอดคล้องกัน ดนตรีบำาบัดที่ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมทางสังคม
4. ดำาเนินการสังเกตและบันทึกข้อมูล ของกรณีศึกษา A มากที่สุดคือ กิจกรรมการร้องเพลง
การให้ดนตรีบำาบัดในกลุ่มตัวอย่างทั้ง 3 ราย ผ่าน ร่วมกับการเคลื่อนไหว (f = 43) รองลงมาคือกิจกรรม
เทปวิดีโอ จำานวนคนละ 8 ครั้ง จากนั้นนำาข้อมูล การร้องเพลงร่วมกับการเล่นเครื่องดนตรี (f = 38) และ
ที่บันทึกได้มาทำาการวิเคราะห์ความถี่ และร้อยละ กิจกรรมการเล่นเครื่องดนตรี (f = 17) ดังรายละเอียด
ผลการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมทางสังคมของเด็กที่เป็น ในตารางที่ 2
ออทิซึมจำาแนกตามองค์ประกอบของดนตรีที่ใช้ใน เมื่อพิจารณากิจกรรมดนตรีจำาแนกตามองค์
การบำาบัด ประกอบของดนตรีที่ส่งผลต่อการมีปฏิสัมพันธ์ร่วม
ทางสังคมในกรณีศึกษา A โดยนำาเสนอผลเฉพาะ
ก�รวิเคร�ะห์ข้อมูล
กิจกรรมดนตรีที่มีผลต่อการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมทาง
การวิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัยนี้ ใช้การ สังคมมากที่สุดเรียงลงไป 5 อันดับ ดังต่อไปนี้ 1) ใน
วิเคราะห์สถิติเชิงบรรยาย ประเภทการแจกแจง กิจกรรมการร้องเพลงร่วมกับการเคลื่อนไหว องค์
ความถี่ (frequency) เพื่อวิเคราะห์จำานวนครั้งของ ประกอบด้านระดับเสียง/ทำานอง และองค์ประกอบ
การมีปฏิสัมพันธ์ร่วมทางสังคมของเด็กที่เป็นออทิซึม ด้านเนื้อเพลง ซึ่งมีความถี่เท่ากัน (f = 17) ส่งผลต่อ
จำาแนกตามองค์ประกอบของดนตรีและกิจกรรม ปฏิสัมพันธ์ร่วมทางสังคมมากที่สุด รองลงมาคือองค์
ดนตรีบำาบัด ซึ่งมีการวิเคราะห์แยกเป็นรายกรณี และ ประกอบด้านอัตราจังหวะ (f = 6) 2) ในกิจกรรมการ
การวิเคราะห์จัดอันดับความถี่ระหว่างกรณีศึกษาทั้ง ร้องเพลงร่วมกับการเล่นเครื่องดนตรี องค์ประกอบ
3 ราย ด้านเนื้อเพลง (f = 12) ส่งผลต่อการมีปฏิสัมพันธ์