Page 132 - วารสารกรมการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 17 ฉบับที่ 3
P. 132
482 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก ปีที่ 17 ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม 2562
ตารางที่ 1 หมอพื้นบ้าน ภูมิลำาเนา และองค์ความรู้ตำารับยารักษาโรคริดสีดวงทวาร จังหวัดศรีสะเกษ
หมอพื้นบ้าน ภูมิลำาเนา องค์ความรู้ตำารับยารักษาโรคริดสีดวงทวาร
1. นายล้วน พงษ์ธนู อ.ปรางค์กู่ หั่นกล้วยนำ้าว้าสุก และเทนำ้าผึ้ง คนให้เข้ากัน รับประทานให้หมดภายใน
วันเดียว รับประทานติดต่อกัน 1 สัปดาห์
2. นายลอง นวลศิริ อ.กันทรารมย์ ใช้ว่านริดสีดวง (ว่านหอมแดง) ต้มในนำ้าเปล่า สีเริ่มเปลี่ยนจะสามารถ
ดื่มได้เลย ดื่มหลังอาหาร เช้า-เย็น ครั้งละ 1 แก้ว ดื่มติดต่อกันไป
ประมาณ 3 สัปดาห์
3. นายพวน จังอินทร์ อ.อุทุมพรพิสัย แก่นจำาปา รากสมัด แก่นปีบ แก่นมันปลา แก่นคอมส้ม โคกกระสุน ต้น
ไมยราบ มัดรวม และต้มดื่ม เช้า-เย็น ดื่ม 3 หม้อ
4. นายเชี่ยวชาญ ผกาแดง อ.อุทุมพรพิสัย กำาแพงเจ็ดชั้น แก่นจำาปา (ใช้แก่นมันปลาแทนได้) ผกากรอง หนอนตาย
หยาก เพชรสังฆาต ปลาไหลเผือก เติมนำ้าพอท่วมยา ต้มพอเดือด แล้ว
ยกลงมาดื่ม
5. นายแสน จันทรา อ.ไพรบึง ขนานที่ 1
เพชรสังฆาต หั่นตากแดดให้แห้ง บดเป็นผง ผสมกับนำ้าผึ้ง ปั้นเป็นก้อน
ลูกกลอน รับประทานตอนเช้า 1 เม็ด พร้อมกับกล้วยสุก 1 ลูก หลังอาหาร
ขนานที่ 2
รากส้มกบ 5 ท่อน ต้มดื่มตอนเย็นหลังอาหาร
ขนานที่ 3 (ยาทาแผล)
รากปลาไหลเผือกผสมกับนำ้าซาวข้าว เมื่อเป็นแผลให้ฝนทาบริเวณที่เป็น
แผล เช้า-เย็น ประมาณ 6-7 วัน
6. นายบุญมี เลิศศรี อ.ขุนหาญ ปีกกาดำา ว่านชักมดลูก ไผ่สีสุก ไผ่เหลือง กำาแพงเจ็ดชั้น และ แก่นตากวาง
เติมนำ้าพอท่วม ต้มพอเดือด รับประทาน เช้า-เย็น สามารถต้มได้ 7 ครั้ง
หรือจนยาจืด
7. นายเหลา สมภารเพียง อ.อุทุมพรพิสัย ขนานที่ 1
แก่นสะแบง แก่นมะขามเปรี้ยว แก่นมะขามหวาน ต้มดื่มเวลาเช้า เที่ยง
และเย็น ก่อนหรือหลังอาหาร ครั้งละ 1 แก้ว
ขนานที่ 2
กำามะถันเหลือง นำ้าผึ้ง บดกำามะถันเหลือง ผสมกับนำ้าผึ้ง ปั้นเป็นลูกกลอน
รับประทานกรณีเป็นเลือด
8. นายสุข ไชยโย อ.เมืองจันทร์ แก่นลั่นทม (ดอกสีขาว) 3 ส่วน เพชรสังฆาต 1 ส่วน ดอกบานไม่รู้โรย
(สีขาว) ทั้งต้น 3 ส่วน ต้มดื่มก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ รับประทานเวลา
เช้า เที่ยง และเย็น ต้มจนยาจืด
9. นายบุตรดี เมืองอินทร์ อ.กันทรลักษ์ ขนานที่ 1
กำาแพงเจ็ดชั้น กำาลังวัวเถลิง (หรือกกตาไก่) ต้มดื่ม ก่อนหรือหลังอาหาร
ก็ได้ เช้า เที่ยง และเย็น
ขนานที่ 2
แก่นบักม่วงแก้ว ต้นบักเย็น ต้มดื่ม ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ เวลาเช้า
เที่ยง และเย็น