Page 92 - วารสารกรมการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 17 ฉบับที่ 2
P. 92

230 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก     ปีที่ 17  ฉบับที่ 2  พฤษภาคม-สิงหาคม 2562




             รับความนิยมมากในประเทศไทย [11]              ประสิทธิผลของการรักษาด้วยยาหม่องพริกต่อระดับ
                 พริก ชื่อวิทยาศาสตร์ Capsicum annuum L.   ความปวดระดับขีดเริ่มของการกดเจ็บ และองศาการ
             Capsicum frutescens L. จัดอยู่ในวงศ์ Solana-  เคลื่อนไหวของการก้มคอในผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลัง

             ceae เป็นพืชที่นิยมปลูกในเขตร้อนที่มีอากาศอบอุ่น  ส่วนจากกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและพังผืด
             และร้อน เช่น แอฟริกา อินเดีย อเมริกาเขตร้อน ญี่ปุ่น

             และไทย พริกจัดเป็นเครื่องปรุงที่มีรสชาติเผ็ดร้อน       ระเบียบวิธีศึกษ�
             เป็นที่นิยมในประเทศไทย  ถึงแม้พริกมักจะถูกนำา     การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเปรียบเทียบแบบ
                                 [12]
             มาเป็นเครื่องปรุงรสและนำามาประกอบอาหาร แต่ใน  สุ่มโดยมีกลุ่มควบคุม (Randomized control trial)

             ประเทศไทย พริกยังเป็นพืชที่มีการนำามาใช้เป็นยาทา  แบ่งผู้เข้าร่วมวิจัยเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทดลอง รับการ
             ภายนอกมาอย่างยาวนาน เพื่อแก้เคล็ดขัดยอก ลด  รักษาด้วยการทายาหม่องพริก และกลุ่มควบคุม รับ

             อาการปวดข้อ และปวดกล้ามเนื้อ  นอกจากนี้ ยังมี  การรักษาด้วยการทายาหม่องพริกชนิดหลอก ระยะ
                                      [11]
             การนำามาใช้ในการช่วยทำาให้เจริญอาหาร ช่วยระบบ  เวลาการทดลองในแต่ละกลุ่ม คือ 3 สัปดาห์ แต่ละ
             ย่อยอาหารให้ดีขึ้น แก้หวัด ขับลม และช่วยให้การไหล  กลุ่มได้รับสิ่งทดลอง 30 นาทีต่อครั้ง เป็นระยะเวลา

             เวียนของโลหิตดีขึ้น [13]                    3 ครั้งต่อสัปดาห์ การศึกษานี้เป็นการศึกษาที่มีการ
                 สารสำาคัญในพริกที่ออกฤทธิ์เพื่อลดอาการ  ปกปิดสองฝ่าย (double-blinded) กล่าวคือ 1) ปกปิด
             ปวด คือสารกลุ่มแคปไซซินอยด์ (capsaicinoids):   ผู้ประเมินตัวแปร  ผู้ประเมินตัวแปรจะไม่ทราบว่า

             (0.05–1.5%) ประกอบด้วยสารหลักคือ แคปไซซิน   ผู้เข้าร่วมวิจัยที่ตนประเมินนั้นอยู่ในกลุ่มใด และ 2)
             (capsaicin) 70% ไดไฮโดรแคปไซซิน (dihydro-   ปกปิดผู้เข้าร่วมวิจัย ผู้เข้าร่วมวิจัยจะไม่ทราบว่าตน
             capsaicin) 22% และคาโรทีนอยด์ (carotenoids)   ได้รับการรักษาด้วยยาหม่องพริก หรือยาหม่องพริก

             8% สารแคปไซซินมีโครงสร้างโมเลกุลคือ C H NO    ชนิดหลอก ดำาเนินการศึกษาที่อาคารพรีคลินิก (M3)
                                             18 27  3
             และจุดเดือด 210–220 องศาเซลเซียส สารแคปไซซิน   สำานักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้า

             ที่พบส่วนใหญ่ในพริกจะอยู่บริเวณเยื่อแกนกลางที่  หลวง จังหวัดเชียงราย
             เป็นสีขาวหรือที่เรียกว่ารก (placenta) ซึ่งเป็นสารที่     การศึกษานี้ผ่านการรับรองด้านจริยธรรม
             ให้ความเผ็ดในพริก  ในบัญชีจากยาสมุนไพรใน    จากคณะกรรมการจริยธรรมงานวิจัยในมนุษย์
                             [14]
             บัญชียาหลักแห่งชาติได้กำาหนดให้มีการใช้ capsaicin   มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เลขที่ REH-61021
             0.025% หรือ 0.075% เพื่อใช้เป็นยาทาเฉพาะที่ในการ

             ลดอาการปวดข้อ และปวดกล้ามเนื้อ [15]         ประช�กรและกลุ่มตัวอย่�ง
                 แม้ว่าการรักษาด้วยการทายาหม่องที่มีส่วนผสม     ผู้เข้าร่วมวิจัย ที่มีอาการปวดบ่าและหลังส่วนบน
             ของแคปไซซินในทางปฏิบัติจะให้ผลดีต่อผู้ป่วยที่มี  ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อ

             อาการปวดกล้ามเนื้อต่าง ๆ แต่มีหลักฐานเชิงประจักษ์  และพังผืด จะได้รับการซักประวัติและตรวจร่างกาย
             ที่ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์มารับรองหรือพิสูจน์  ก่อนรับเข้าร่วมการวิจัย ผู้เข้าร่วมวิจัย มีอายุระหว่าง
             ประสิทธิผลยังมีน้อย ดังนั้น การวิจัยจึงทำาการศึกษา  18–40 ปี ไม่จำากัดเพศ มีเกณฑ์การคัดเข้าและเกณฑ์
   87   88   89   90   91   92   93   94   95   96   97