Page 88 - วารสารกรมการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 17 ฉบับที่ 2
P. 88
226 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก ปีที่ 17 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2562
โลหิต และอัตราการเต้นของชีพจรขณะพักของกลุ่ม ของหัวใจก่อนและหลังเข้าร่วมโปรแกรม มีเปอร์เซ็นต์
ทดลองไม่แตกต่างกันระหว่างก่อนและหลังเข้าร่วม การเปลี่ยนแปลงยังไม่ชัดเจน ซึ่งการศึกษาควรใช้เวลา
โปรแกรมออกกำาลังกายเนื่องจากผู้เข้าร่วมโปรแกรม ในการศึกษาให้นานขึ้น และมีความถี่ในการฝึกให้มาก
มีการกำาหนดลมหายเข้าออกน้อย ในระหว่างการฝึก ขึ้น อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 8 สัปดาห์ขึ้น
ปฏิบัติท่าฤๅษีดัดตน [17] ไป เพื่อให้มีผลความต่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น และควรใช้
สถิติเชิงอนุมานในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อสามารถนำา
3. ก�รเปรียบเทียบผลจ�กก�รฝึกฤๅษีดัดตน ไปสรุปผลการศึกษาอ้างถึงประชากรได้
กับก�รทำ�สม�ธิแบบ TM การจัดโปรแกรมการโดยใช้การฝึกท่าฤๅษี
เมื่อเปรียบเทียบกับการทำาสมาธิแบบ TM แล้ว ดัดตนในครั้งต่อไป ควรมีการประเมินผลจากผู้
การฝึกฤๅษีดัดตนจะใช้เวลาฝึกต่อครั้งนานกว่า 15- เข้าร่วมวิจัย และผู้ปกครองของผู้เข้าร่วมวิจัย ด้าน
20 นาที แต่การทำาสมาธิแบบ TM ใช้ความถี่ในการ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เข้าร่วมวิจัย และ
ฝึกมากกว่า โดยทำาการฝึก 2 ครั้ง/วัน ครั้งละ 10-15 ความพึงพอใจในโปรแกรม รวมถึงการตรวจวัด
นาที เป็นระยะเวลา 3 เดือน จึงจะส่งผลให้มีสมาธิ ค่าคลื่นสมอง เพื่อให้ผลการศึกษามีความชัดเจน
มากขึ้น พฤติกรรมเป็นปกติมากขึ้น สามารถควบคุม และมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ควรมีการจัดสภาพ
อารมณ์ได้ดีขึ้น มีทักษะในการจัดการดีขึ้น ช่วยลด แวดล้อมที่ไม่มีสิ่งรบกวนจากภายนอก และให้มี
ภาวะเครียดและความกังวล และยังมีผลต่อการทำางาน บรรยากาศที่เหมาะสมกับลักษณะของเด็กสมาธิสั้น
ของสมองอีกด้วย [18-19] แต่ในการศึกษาครั้งนี้ยังไม่มี เช่น ควรจัดให้มีห้องจัดกิจกรรมสำาหรับผู้เข้าร่วม
การศึกษาเกี่ยวกับผลของการฝึกฤๅษีดัดตนต่อการ วิจัยโดยเฉพาะ ไม่ให้มีนักเรียนคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ใน
ทำางานของสมอง จึงควรมีการศึกษาต่อไป โปรแกรม อยู่ในห้องกับผู้เข้าร่วมวิจัย ไม่มีอุปกรณ์
อื่น ๆ ที่ดึงดูดความสนใจผู้เข้าร่วมวิจัย เป็นต้น
ข้อสรุป เนื่องจากเด็กสมาธิสั้นจะมีการตอบสนองต่อสิ่งรอบ
การศึกษาครั้งนี้มีข้อจำากัดเรื่องการยินยอมให้ ตัวได้ง่าย และควรทำาการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างที่มี
เข้าร่วมโครงการจากผู้ปกครองในหลายโรงเรียนที่มี ขนาดใหญ่ขึ้น
เด็กพิเศษ มีเพียงโรงเรียนวัดโสมนัสเพียงโรงเรียน
เดียวที่คุณครูและผู้ปกครองของกลุ่มตัวอย่าง 4 คน กิตติกรรมประก�ศ
ยินยอมให้ทำาการศึกษา โดยให้กลุ่มตัวอย่างทำาการ คณะผู้วิจัยขอขอบคุณผู้อำานวยการโรงเรียน
ฝึกท่าฤๅษีดัดตนจำานวน 5 ท่า รวมระยะเวลาทั้งหมด วัดโสมนัส จังหวัดกรุงเทพมหานคร ในการอนุญาต
30 นาที/ครั้ง สัปดาห์ละ 1 ครั้งเป็นเวลา 6 สัปดาห์ มี ให้เป็นสถานที่สำาหรับดำาเนินการทดลองการวิจัย
ผลทำาให้อาการอยู่ไม่นิ่ง/หุนหันพลันแล่น และไม่มี คุณครูฐิติมา ดวงแก้ว และครูพี่เลี้ยง ที่คอยอำานวย
สมาธิลดลง ซึ่งผลจากการสังเกตพฤติกรรมของเด็ก ความสะดวก และประสานงานผู้ปกครองและนักเรียน
สมาธิสั้นจากผลการวิจัยสอดคล้องกับครูผู้ดูแล แต่ และขอขอบใจนักเรียนกลุ่มตัวอย่างของโรงเรียนวัด
ผลจากการวัดค่าความดันโลหิต และค่าอัตราการเต้น โสมนัสทุกคน ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี