Page 70 - J Trad Med 21-1-2566
P. 70

50 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก       ปีที่ 21  ฉบับที่ 1  มกราคม-เมษายน 2566




           3. ผลก�รตรวจท�งรังสีวินิจฉัย                ผิดปกติ ดังนี้ (1) โพรงรากประสาทระหว่างกระดูก
                ผลการตรวจทางรังสีวินิจฉัยในผู้เข้าร่วมวิจัย   คอปล้องที่ 2-3 ตีบแคบ (narrowing of C2-3 fora-

           ผู้ป่วยโรคลมปลายปัตฆาตสัญญาณ 4 หลัง มีดังนี้   men) (2) โพรงรากประสาทระหว่างกระดูกคอปล้อง
                3.1  กลุ่มผู้เข้าร่วมวิจัยที่ตรวจพบโหนกแก้ม  ที่ 3-4 ตีบแคบ (narrowing of C3-4 foramen) (3)
           ข้างที่เป็นโรคสูงกว่าข้างปกติจากการสังเกตสัมพันธ์  โพรงรากประสาทระหว่างกระดูกคอปล้องที่ 3-4, 4-5

           กับค่าเฉลี่ยองศาการเงยหน้าสูงกว่าข้างปกติจากการ  ตีบแคบ (narrowing of C3-4, C4-5 foramen) (4)
           วัดมุมด้วยเครื่องมือวัดมุม จ�านวน 86 ราย (ร้อยละ   โพรงรากประสาทระหว่างกระดูกคอปล้องที่ 3-4, 6-7
           47) ผลการตรวจทางรังสีวินิจฉัยท่าหน้า-หลัง และ   ตีบแคบ (narrowing of C3-4, C6-7 foramen) (5)

           ด้านข้าง พบว่าปกติ ผู้เข้าร่วมวิจัยทุกรายของกลุ่มนี้มี  โพรงรากประสาทระหว่างกระดูกคอปล้องที่ 3-4, 4-5
           ความสูงของปล้องกระดูกสันหลังทั้งสองข้างสมมาตร  และโพรงรากประสาทระหว่างกระดูกคอปล้องที่ 7 กับ
           กัน  (normal vertebral height symmetry Rt. =   ปล้องกระดูกอกชิ้นที่ 1 ตีบแคบ (narrowing of C3-4,

           Lt.) ขณะที่การตรวจพบภาวะความผิดปกติ มีดังนี้ (1)   C4-5, C7-T1 foramen) (6) โพรงรากประสาทระหว่าง
           กระดูกคอปล้องที่ 3-4 เสื่อม (degenerative change   กระดูกคอปล้องที่ 4-5 ตีบแคบ (narrowing of C4-5

           of C3-4) (2) กระดูกคอปล้องที่ 3-6 เสื่อม (degen-  foramen) (7) โพรงรากประสาทระหว่างกระดูกคอ
           erative change of C3-6) (3) กระดูกคอปล้องที่ 3-7   ปล้องที่ 4-5, 5-6 ตีบแคบ (narrowing of C4-5, C5-6
           เสื่อม (degenerative change of C3-7 (4) กระดูก  foramen) (8) โพรงรากประสาทระหว่างกระดูกคอ

           คอปล้องที่ 4-5 เสื่อม (degenerative change of C4-  ปล้องที่ 5-6 ตีบแคบ (narrowing of C5-6 foramen)
           5) (5) กระดูกคอปล้องที่ 4-6 เสื่อม (degenerative   (9) โพรงรากประสาทระหว่างกระดูกคอปล้องที่ 5-6,

           change of C4-6) (6) กระดูกคอปล้องที่ 4-7 เสื่อม   6-7 ตีบแคบ (narrowing of C5-6, C6-7 foramen)
           (degenerative change of C4-7) (7) กระดูกคอ  และ (10) โพรงรากประสาทระหว่างกระดูกคอปล้อง
           ปล้องที่ 5 เสื่อม (degenerative change of C5) (8)   ที่ 6-7 ตีบแคบ (narrowing of C6-7 foramen) ซึ่ง

           กระดูกคอปล้องที่ 5-6 เสื่อม (degenerative change   ผู้เข้าร่วมวิจัยแต่ละคนในกลุ่มนี้ตรวจพบภาวะความ
           of C5-6) (9) กระดูกคอปล้องที่ 5-7 เสื่อม (degenera-  ผิดปกติดังที่กล่าวมามากกว่าหรือเท่ากับ 1 อย่าง ทั้ง
           tive change of C5-7) (10) กระดูกคอปล้องที่ 6 เสื่อม   สิ้น 79 ราย (ร้อยละ 92; n = 86)

           (degenerative change of C6) (11) ภาวะกระดูก     3.2  กลุ่มผู้เข้าร่วมวิจัยที่ตรวจพบโหนกแก้ม
           คอโก่ง (kyphosis; reverse cervical curve) (12)   ข้างที่เป็นโรคต�่ากว่าข้างปกติจากการสังเกตสัมพันธ์
           กระดูกคอปล้องที่ 5 เลื่อนไปทางด้านหลัง เมื่อเทียบ  กับค่าเฉลี่ยองศาการเงยหน้าต�่ากว่าข้างปกติจากการ

           กับกระดูกคอปล้องที่ 6 (reverse spondylolisthesis   วัดมุมด้วยเครื่องมือวัดมุม จ�านวน 97 ราย (ร้อยละ
           of C5 over C6) (13) ภาวะกระดูกคอแอ่นเพิ่มขึ้นเล็ก  53) ผลการตรวจทางรังสีวินิจฉัยท่า หน้า-หลัง และ

           น้อย (slight hyperlordosis) ผลการตรวจท่าเฉียง  ท่าด้านข้าง พบว่าปกติ ผู้เข้าร่วมวิจัยทุกรายของกลุ่ม
           ขวา (RO view) และท่าเฉียงซ้าย (LO view) พบความ  นี้มี normal vertebral height symmetry Rt. =
   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74   75