Page 71 - J Trad Med 21-1-2566
P. 71

J Thai Trad Alt Med                                    Vol. 21  No. 1  Jan-Apr  2023  51




            Lt. ขณะที่การตรวจพบภาวะความผิดปกติ มีดังนี้   ตีบแคบ (narrowing of C3-4, C4-5, C5-6 foramen)
            (1) กระดูกคอปล้องที่ 3-4 เสื่อม (degenerative   (5) โพรงรากประสาทระหว่างกระดูกคอปล้องที่ 3-4,

            change of C3-4) (2) กระดูกคอปล้องที่ 3-5 เสื่อม   4-5 และโพรงรากประสาทระหว่างกระดูกคอปล้องที่
            (degenerative change of C3-5) (3) กระดูกคอ  7 กับปล้องกระดูกอกชิ้นที่ 1 ตีบแคบ (narrowing of
            ปล้องที่ 3-6 เสื่อม (degenerative change of C3-  C3-4, C4-5, C7-T1 foramen) (6) โพรงรากประสาท

            6) (4) กระดูกคอปล้องที่ 3-7 เสื่อม (degenerative   ระหว่างกระดูกคอปล้องที่ 4-5 ตีบแคบ (narrowing
            change of C3-7) (5) กระดูกคอปล้องที่ 4 เสื่อม   of C4-5 foramen) (7) โพรงรากประสาทระหว่าง
            (degenerative change of C4) (6) กระดูกคอ    กระดูกคอปล้องที่ 4-5 และ 5-6 ตีบแคบ (narrow-

            ปล้องที่ 4-5 เสื่อม (degenerative change of C4-5)    ing of C4-5, C5-6 foramen) (8) โพรงรากประสาท
            (7) กระดูกคอปล้องที่ 4-6 เสื่อม (degenerative   ระหว่างกระดูกคอปล้องที่ 5-6 ตีบแคบ (narrowing
            change of C4-6) (8) กระดูกคอปล้องที่ 4-7 เสื่อม   of C5-6 foramen) (9) โพรงรากประสาทระหว่าง

            (degenerative change of C4-7) (9) กระดูกคอ  กระดูกคอปล้องที่ 5-6, 6-7 ตีบแคบ (narrowing of
            ปล้องที่ 5 เสื่อม (degenerative change of C5)   C5-6, C6-7 foramen) และ (10) โพรงรากประสาท

            (10) กระดูกคอปล้องที่ 5-6 เสื่อม (degenerative   ระหว่างกระดูกคอปล้องที่ 6-7 ตีบแคบ (narrowing
            change of C5-6) (11) กระดูกคอปล้องที่ 5-7 เสื่อม   of C6-7 foramen) ซึ่งผู้เข้าร่วมวิจัยแต่ละคนในกลุ่ม
            (degenerative change of C5-7) (12) กระดูกคอ  นี้ตรวจพบภาวะความผิดปกติดังที่กล่าวมามากกว่า

            ปล้องที่ 6 เสื่อม (degenerative change of C6)   หรือเท่ากับ 1 อย่าง ทั้งสิ้น 88 ราย (ร้อยละ 91; n = 97)
            (13) กระดูกคอปล้องที่ 6-7 เสื่อม (degenerative      สรุปผลการตรวจทางรังสีวินิจฉัยพบว่าผู้เข้า

            change of C6-7) (14) ภาวะกระดูกคอโก่ง (kypho-  ร่วมวิจัยทุกราย (ร้อยละ 100) มี normal vertebral
            sis; reverse cervical curve) (15) ภาวะความแอ่น  height symmetry Rt. = Lt แต่ตรวจพบภาวะความ
            ของกระดูกคอลดลง (decrease lordotic cervical   ผิดปกติมากกว่าหรือเท่ากับ 1 อย่าง ทั้งสิ้น 167 ราย

            curve) และ (16) ภาวะความแอ่นของกระดูกคอเพิ่ม  (ร้อยละ 91; n = 183) ขณะที่ผลการตรวจของผู้เข้า
            ขึ้น (hyperlordosis of cervical curve) ผลการ  ร่วมวิจัยบางรายพบภาวะความผิดปกติที่กลับคืน
            ตรวจท่าเฉียงขวา และเฉียงซ้าย พบความผิดปกติ   (reverse) เป็นปกติได้ เมื่อผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ได้แก่

            ดังนี้ (1) โพรงรากประสาทระหว่างกระดูกคอปล้อง  ภาวะกระดูกคอตรง (straightening of cervical
            ที่ 2-3 ตีบแคบ (narrowing of C2-3 foramen) (2)   curve) ภาวะความโค้งของปล้องกระดูกคอลดลง
            โพรงรากประสาทระหว่างกระดูกคอปล้องที่ 3-4 ตีบ  (decrease cervical curve) และภาวะความโค้งของ

            แคบ (narrowing of C3-4 foramen) (3) โพรงราก  ปล้องกระดูกคอลดลงเล็กน้อย (slight decrease
            ประสาทระหว่างกระดูกคอปล้องที่ 3-4, 4-5 ตีบแคบ   cervical curve) หรือผลการตรวจปกติ จ�านวนทั้ง

            (narrowing of C3-4, C4-5 foramen) (4) โพรงราก  สิ้น 16 ราย (ร้อยละ 9)
            ประสาทระหว่างกระดูกคอปล้องที่ 3-4, 4-5 และ 5-6
   66   67   68   69   70   71   72   73   74   75   76