Page 60 - J Trad Med 21-1-2566
P. 60
40 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก ปีที่ 21 ฉบับที่ 1 มกราคม-เมษายน 2566
ด้วยน�้าและน�้าประปา ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ ที่ต้องลงแรงจึงเป็นหน้าที่ที่หัวหน้าครอบครัวเป็น
โดยสรุป ผลการวิจัยในครั้งนี้สารสกัดย่านางแดงสด ผู้รับผิดชอบ อีกทั้งผู้ที่มีอายุอยู่ในช่วงวัยท�างานจะมี
ที่สกัดด้วยน�้าสามารถลดปริมาณที่ตกค้างของสาร ประสบการณ์ ความสามารถพิจารณาและวิเคราะห์การ
เมทโธมิลในถั่วฝักยาวได้สูงที่สุดเท่ากับ 83.03% [10] ตัดสินใจ แก้ปัญหาได้ดีกว่าเกษตรกรที่มีอายุน้อย ผล
3. ปัจจัยด้านการใช้สมุนไพรย่านางแดงแต่ละ การวิจัยข้างต้นไม่สอดคล้องกับงานวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่
ประเภท มีความสัมพันธ์กับระดับเอนไซม์ อย่างมี มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมความปลอดภัยในการ
นัยส�าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.005 โดยพบว่า การใช้ ใช้สารเคมีก�าจัดศัตรูพืชของกลุ่มเกษตรกรชุมชน
สมุนไพรย่านางแดงกลุ่มชาชงท�าให้กลุ่มตัวอย่างมี แห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ผลการวิจัย
ระดับเอนไซม์โคลีนเอสเทอเรสมากกว่ากลุ่มควบคุม พบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรม ความ
และกลุ่มการอบ ทั้งนี้เป็นเพราะว่า การสกัดสมุนไพร ปลอดภัยในการใช้สารเคมีก�าจัดศัตรูพืชคือ ระดับ
ย่านางแดงแต่ละวิธีนั้นมีสรรพคุณตามต�ารายาไทย การศึกษา ระยะเวลาในการประกอบอาชีพ ระยะเวลา
ในการล้างพิษออกจากร่างกายที่มากน้อยแตกต่าง ในการใช้สารเคมีก�าจัดศัตรูพืช ความรู้ และทัศนคติ
กัน โดยสมุนไพรย่านางแดงที่ผ่านการสกัดแบบชาชง ของเกษตรกรในการใช้สารเคมีก�าจัดศัตรูพืช อย่างมี
สามารถขับสารพิษได้ดีกว่าในรูปแบบการอบ เพราะ นัยส�าคัญทางสถิติ (p < 0.05) [12]
คุณสมบัติของน�้าเร่งการขับสารพิษออกจากร่างกาย
ได้เร็วกว่าการรับประทาน สอดคล้องกับงานวิจัย ข้อสรุป
ที่ท�าการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลในการเพิ่ม ผู้เข้าร่วมวิจัยที่ได้รับการคัดเลือกในกลุ่มที่
ระดับเอนไซม์โคลีนเอสเทอเรสในกระแสเลือดระหว่าง ดื่มชาชงสมุนไพรย่านางแดงมีระดับเอนไซม์โคลีน
สมุนไพรรางจืดและย่านางแดงในกลุ่มเกษตรกร พบ เอสเทอเรสสูงขึ้นอย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติ (U =
ว่า การดื่มชาชงสมุนไพรรางจืดและชาชงสมุนไพร -4.737, p < 0.001) โดยระดับเอนไซม์หลังการใช้ยา
ย่านางแดงเพิ่มระดับเอนไซม์โคลีนเอสเทอเรส ใน สมุนไพร อยู่ในระดับปลอดภัย (≥ 87.5 u/ml.) และ
กระแสเลือดในกลุ่มเกษตรกรอย่างมีนัยส�าคัญทาง ระดับปกติ(≥ 100 u/ml.) ดีขึ้นร้อยละ 77.4
สถิติที่ระดับ 0.001 [11]
4. เพศ อายุ ระดับการศึกษา ระยะเวลาในการ ข้อเสนอแนะ
ใช้สารเคมีก�าจัดศัตรูพืชต่อครั้ง ความรู้เกี่ยวกับการ 1. ควรเพิ่มขนาดตัวอย่างในการวิจัย เพื่อเพิ่ม
ใช้สารเคมีก�าจัดศัตรูพืช และการใช้สมุนไพรย่านาง ค่าระดับความเชื่อมั่นทางสถิติ
แดง พบว่า ไม่มีความสัมพันธ์กับระดับความเสี่ยงต่อ 2. ควรมีศึกษาแบบไปข้างหน้า เพื่อติดตามผล
สุขภาพในการท�างาน โดยที่เกษตรกรเพศชายมีความ การวิจัยในระยะยาว และเพิ่มความถี่ในการวัดผล เช่น
เสี่ยงต่อสุขภาพในการท�างาน ในระดับค่อนข้างสูง-สูง 1 สัปดาห์ 2 สัปดาห์ 3 สัปดาห์ 1 เดือน เป็นต้น
มากกว่าเพศหญิง อาจเพราะการท�าเกษตรจะท�ากัน 3. ควรมีการศึกษากับกลุ่มเป้าหมายอื่นที่มี
เป็นครอบครัว โดยที่หัวหน้าครอบครัวส่วนใหญ่เป็น ความเสี่ยง เช่น ผู้จ�าหน่วยสารเคมีก�าจัดศัตรูพืช
เพศชาย การท�างานที่ค่อนข้างเสี่ยง หรือการท�างาน แม่ค้าในตลาดสด คนในชุมชน เพื่อได้ผลการศึกษา