Page 65 - วารสารการแพทย์แผนไทย ปีที่ 20 ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม 2565
P. 65
J Thai Trad Alt Med Vol. 20 No. 3 Sep-Dec 2022 479
โดยใช้เจลเป็นตัวกลางที่ใช้ในระบบน�าส่งยาเฉพาะ ข้นดังกล่าวเป็นของเหลวประเภทนอนนิวโตเนียน
ที่เพื่อใช้ร่วมกับการน�าเจลหรือใส่ในร่องปริทันต์เพื่อ (non-Newtonian fluid) กล่าวคือความหนืดของ
ลดการอักเสบ รวมทั้งประเมินคุณสมบัติทางกายภาพ เจลมีค่าไม่คงที่โดยเมื่ออัตราเฉือนเพิ่มขึ้นค่าความหนืด
[37]
คุณสมบัติทางเคมี ให้เหมาะสมกับการใช้ในช่องปาก จะลดลง และมีคุณสมบัติแบบวิสโคอีลาสติก (vis-
และประเมินความคงสภาพของต�ารับเจล ซึ่งการ coelasticity) ซึ่งสมบัติดังกล่าวท�าให้เจลคาร์โบพอล
พัฒนาและตั้งต�ารับเจลในการศึกษานี้ได้เลือกสารก่อ เป็นของเหลวที่มีความหนืด ยืดหยุ่น และกระจายตัว
เจลชนิด carbopol 934P เนื่องจากเป็นสารก่อเจลที่ ได้เมื่อมีแรงกด ซึ่งเหมาะสมส�าหรับระบบขนส่งยา
มีคุณสมบัติยึดติดได้ที่เยื่อเมือกในช่องปาก เพื่อเพิ่ม เฉพาะที่และการยึดติดที่เนื้อเยื่อ [38-39] และเลือกต�ารับ
ระยะเวลาในการยึดเกาะและปลดปล่อยสารส�าคัญ ที่มีการฉีดผ่านเข็มฉีดเบอร์ 21 ได้ เนื่องจากเป็นขนาด
[24]
เพิ่มความหนืดได้แม้ใช้ความเข้มข้นต�่า ไม่ระคาย ที่สามารถใส่เจลลงร่องปริทันต์ได้
[33]
เคืองและเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อ และเป็นพอลิเมอร์ จากคุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมีพบ
ก่อเจลตามค่าความเป็นกรดเป็นด่าง การศึกษาของ ว่าต�ารับ F1 เป็นต�ารับที่เหมาะสมที่สุด และมีความ
Maha M.A. Nasra และคณะ (2017) ได้ศึกษาใช้สาร คงตัวที่ดี ทั้งนี้การใช้สารสกัดเอทานอลขมิ้นชันความ
ก่อเจล carbopol 934P เข้มข้นร้อยละ 1 ส�าหรับสาร เข้มข้นร้อยละ 1 สอดคล้องกับความเข้มข้นของสาร
เคอร์คิวมินในการพัฒนาต�ารับรักษาโรคปริทันต์พบ สกัดที่มีการศึกษาทางคลินิกพบว่าสามารถลดการ
ว่า สามารถท�าให้ค่อย ๆ เกิดการปลดปล่อยเคอร์คิว- อักเสบและเชื้อก่อโรคปริทันต์ได้ [16-17,40] จากผลการ
มินได้อย่างต่อเนื่อง โดยสูตรต�ารับเจลที่มีการปรับค่า ศึกษาการหาปริมาณสารส�าคัญในต�ารับเจล F1 ซึ่งใช้
เจลให้เป็นกลางจะสามารถเพิ่มความหนืดและความ สารสกัดขมิ้นชันร้อยละ 1 โดยน�้าหนัก พบว่าต�ารับ
[34]
แข็งแรงของเจล การพัฒนาเจลสารสกัดขมิ้นชัน เจลประกอบด้วยปริมาณสารเคอร์คิวมินอยด์
นี้มีสมมติฐานให้เจลที่พัฒนาขึ้นมีค่า pH ใกล้เคียง ร้อยละ 0.150 ± 0.004 โดยน�้าหนักซึ่งพบว่าต�ารับเจลมี
กับ 7 เพื่อลดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อในช่องปาก ร้อยละของปริมาณสารเคอร์คิวมินอยด์คงเหลือ
[35]
และนอกจากนี้ค่า pH ดังกล่าวควรอยู่ในช่วงที่สาร เป็นร้อยละ 84.84 ± 0.84 โดยสาเหตุที่ลดลงคาด
ออกฤทธิ์มีความคงตัวโดยการศึกษาของ Kharat ว่าเกิดจากสารออกฤทธิ์ในกลุ่มดังกล่าวสามารถ
M. และคณะ (2017) พบว่าสารเคอร์คิวมินมีสภาวะ มีการสลายตัวได้เมื่อผ่านปฏิกิริยาไฮโดรไลซิสจึง
ไม่เสถียรเมื่ออยู่ในสารละลายที่เป็นด่าง (pH > 7.0) จ�าเป็นต้องใช้ตัวท�าละลายร่วม เช่น PEG 400 หรือ
และมีความเสถียรมากขึ้นเมื่ออยู่ในสภาพที่เป็น อาจมีการสลายตัวในสภาวะที่ไม่เป็นกรดได้ [19,34]
กรด (pH < 7.0) และพบความเหมาะสมเมื่อเก็บสาร ทั้งนี้จากการที่โรคปริทันต์เป็นโรคที่เกิดจากสภาพ
เคอร์คิวมินในรูปแบบของอิมัลชัน จากการศึกษานี้ ที่เริ่มต้นจากแบคทีเรียที่ซับซ้อนในไบโอฟิล์ม
[36]
พบว่าเมื่อวัดค่าความหนืดความเข้มข้นของ Carbopol ส่งผลให้เกิดการอักเสบที่ตอบสนองโดยตัว
934P มากขึ้น ความหนืดของเจลจะมากขึ้น ซึ่งจะเห็น ผู้ป่วย ท�าให้เกิดการท�าลายอวัยวะปริทันต์ขึ้น Izui S.
[2]
ได้ว่าเมื่อความเร็วรอบของหัวเข็มวัดเพิ่มขึ้น ค่าความ และคณะ (2016) พบว่าสารเคอร์คิวมินสามารถยับยั้ง
หนืดจะลดลง ด้วยสาเหตุจากต�ารับเจลที่ความเข้ม การเจริญเติบโตของไบโอฟิล์มที่เกิดจากเชื้อ Strep-