Page 212 - วารสารการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 19 ฉบับที่ 1
P. 212

194 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก       ปีที่ 19  ฉบับที่ 1  มกราคม-เมษายน 2564




                         ผลก�รศึกษ�                    นวดการเหยียดนิ้วได้ดีขึ้น ร้อยละ 100 ดังตารางที่ 3
                ผลการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยที่มารับการรักษาส่วน      ผลประเมินจุดกดเจ็บและความผิดปกติของข้อ

           ใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 90 มีอายุอยู่   นิ้วที่ล็อก พบว่า ก่อนการนวด ร้อยละ 100 พบจุดกด
           ระหว่าง 51-60 ปี คิดเป็นร้อยละ 53.3 มีสถานภาพ  เจ็บ หลังการนวดครั้งที่ 2 และ 3 จ�านวนผู้ป่วยที่พบ
           สมรส (อยู่ด้วยกัน) คิดเป็นร้อยละ 70 มีระดับการ  จุดกดเจ็บลดลง เหลือเพียง ร้อยละ 10 ดังตารางที่ 4

           ศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า คิดเป็นร้อยละ 36.7    ผลการทดสอบก�าลังของนิ้วมือข้างที่ล็อก พบว่าก่อน
           อาชีพรับข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ คิดเป็นร้อยละ 50   การนวดก�าลังของนิ้วมืออยู่ในระดับปานกลาง หลัง

           โดยลักษณะของการประกอบอาชีพ ได้แก่ อาชีพครูใช้  จากการนวดครั้งที่ 2 และ 3 ก�าลังของนิ้วมือดีขึ้น ดัง
           มือหยิบปากกา เขียนหนังสือ นักวิชาการคอมพิวเตอร์   ตารางที่ 5
           ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องใช้นิ้วมือ เช่น ต้องใช้มือในการ

           เขียน ในการพิมพ์คอมพิวเตอร์ รองลงมาคือ อาชีพ              อภิปร�ยผล
           แม่บ้านหรือพ่อบ้าน ซึ่งต้องใช้มือและนิ้วมือในการ     ผลการประเมินอาการปวด ก่อนและหลังการ

           ท�างานบ้าน เช่น ซักผ้า บิดผ้า กวาดบ้าน ท�าอาหาร   รักษา พบว่า ค่าคะแนนความปวดก่อนการรักษาสูง
           ตัดกิ่งไม้ เป็นต้น และอาชีพพนักงานหรือรับจ้าง   กว่าหลังการรักษาอย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติ (p < 0.05)
           เช่น ในผู้เข้าร่วมโครงการจะมีผู้ที่ประกอบอาชีพเป็น  และผลของการนวดมีผลท�าให้อาการล็อกลดลง การ

           พนักงานคีย์ข้อมูล ซึ่งต้องใช้นิ้วในการกดแป้นพิมพ์  เคลื่อนไหวจากการก�ามือ การเหยียดนิ้วมือดีขึ้นกว่า
                                       ้
           ของคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาและซ�า ๆ ส่วนอาชีพ    ก่อนการรักษา
           รับจ้างประกอบอาชีพหมอนวด ซึ่งต้องใช้นิ้วมือกด     จากผลการศึกษาครั้งนี้ยังพบว่าการเหยียดนิ้ว

           หรือนวดผู้ป่วยเป็นประจ�า อาชีพแม่ค้าหรือพ่อค้า ต้อง  ก่อนการรักษาครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 พบว่า การเหยียด
           จ่ายตลาด หิ้วถุงหนัก ใช้มือจับตะหลิวในการท�าอาหาร   นิ้วไม่ได้องศาในครั้งที่ 2 มีจ�านวนผู้ป่วยที่เหยียด
           และอาชีพรับจ้างท�าดอกไม้ประดิษฐ์ ซึ่งใช้นิ้วมือใน  นิ้วไม่ได้องศาเพิ่มมากขึ้นจากครั้งที่ 1 ทั้งนี้จากการ
                                          ้
           การประดิษฐ์ดอกไม้เป็นเวลานานและซ�า ๆ อาชีพที่  สัมภาษณ์ข้อมูลพบว่า ผู้ป่วยยังมีพฤติกรรมในชีวิต
           กล่าวมาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีผลกระทบต่อนิ้วมือ ซึ่ง  ประจ�าวันซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวซึ่งเป็นกิจกรรมที่ใช้

           ก่อให้เกิดอาการของโรคนิ้วล็อก               มืออย่างรุนแรงในชีวิตประจ�าวัน เช่น ตัดกิ่งต้นไม้ ท�า
                ค่าเฉลี่ยของคะแนนความปวดของผู้ป่วยที่มารับ  อาหาร หิ้วถุง ท�าดอกไม้ประดิษฐ์ ดังนั้นการท�าการ
           การรักษาก่อนการรักษา มีค่าคะแนนความปวด (VAS)   ศึกษาที่จะได้ผลควรมีการปรับพฤติกรรมและหลีก

           อยู่ในระดับปานกลาง 4.25 หลังจากการนวดในครั้งที่   เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดผลกระทบต่อ
           1 ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 คะแนนความปวดลดลง อย่าง  อาการของโรค พบว่าผู้ป่วยที่มารักษามีวิธีการปฏิบัติ

           มีนัยส�าคัญทางสถิติ (p-value = 0.05) ดังตารางที่ 2   ตัวระหว่างการรักษา คือการยกของหนัก ยังใช้การ
                ผลประเมินลักษณะการก�ามือข้างที่นิ้วล็อก พบ  ด�ารงชีวิตประจ�าวันเหมือนเดิม และไม่บริหารตามที่
           ว่าการนวดมีผลต่อการก�ามือ  ซึ่งหลังจากนวดในครั้ง  คณะผู้วิจัยแนะน�า ดังนั้นการนวดราชส�านักครั้งนี้ได้

           แรกการก�ามือได้ดีขึ้น แต่การเหยียดนิ้วพบว่า หลังการ  ผลในการลดปวดได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งต้องควบคู่กับ
   207   208   209   210   211   212   213   214   215   216   217