Page 93 - วารสารการแพทย์แผนไทย ปีที่ 21 ฉบับที่ 2
P. 93

J Thai Trad Alt Med                                   Vol. 21  No. 2  May-Aug  2023  309



                     บทนำ�และวัตถุประสงค์               เยื่อหุ้มเซลล์ รูปร่างของเซลล์ผิดรูป แบน และยุบตัว

                                                                            [12]
                 ทองพันชั่ง (Rhinacanthus nasutus (L.)   ลง ส่งผลให้เกิดเซลล์ตาย  จากรายงานการศึกษา
            Kurz) เป็นพืชในวงศ์ Acanthaceae พบได้ในบาง  เหล่านี้จะเห็นได้ว่าสารสกัดทองพันชั่งมีฤทธิ์ต้านเชื้อ
                                                                                          [5]
            ส่วนของประเทศอินเดีย จีน เอเชียตะวันออกเฉียง  รากลุ่มเดอร์มาโตไฟต์ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคกลาก  และ
                                                                                              [14]
            ใต้ และภูมิภาคเอเชียที่มีลักษณะทางภูมิอากาศ  ต้านเชื้อ Malassezia sp. ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคเกลื้อน
            แบบร้อนชื้น ทางการแพทย์แผนไทยใบทองพันชั่งมี  รวมถึงมีฤทธิ์ต้านเชื้อราที่สามารถก่อให้เกิดการติด
            สรรพคุณ ดับพิษไข้ แก้ไข้ตัวร้อน และรากทองพันชั่ง  เชื้อราที่ผิวหนัง (cutaneous fungal infections)

            มีสรรพคุณแก้กลากเกลื้อน ผื่นคัน และโรคผิวหนังที่  ชนิดอื่นได้ด้วย เช่น C. albicans, C. tropicalis, A.
                             [1-2]
            เป็นน�้าเหลืองบางชนิด  พืชนี้มีสารหลากหลายชนิด  niger  และ P. chrysogenum [12-13]  ซึ่งฤทธิ์ต้านเชื้อรา
            เป็นองค์ประกอบทางเคมี เช่น สารกลุ่ม naphthoqui-  ดังกล่าวนี้สนับสนุนการใช้ทองพันชั่งตามต�าราแพทย์

            nones, anthraquinones, flavonoids, benzenoids,   แผนโบราณของไทยเพื่อการรักษาโรคผิวหนัง กลาก
            glycosides, terpenoids และ sterols  นอกจากนี้ ทอง  และเกลื้อน โดยการใช้ทองพันชั่งตามวิธีการดังเดิม
                                        [3]
            พันชั่งยังมีรายงานฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่หลากหลาย เช่น   นั้นจะใช้ใบสดและรากต�าให้ละเอียดแช่ในเหล้าโรง

                                       [7-8]
                              [6]
                 [4-5]
            ต้านรา  ต้านแบคทีเรีย  ต้านไวรัส  ต้านการอักเสบ  แล้วน�าตัวยาที่ได้ทาบริเวณที่มีอาการวันละ 2-3 ครั้ง
                                                                   [1-2]
            [9-10]  บรรเทาปวด  และต้านการแพ้  โดยมีสารออกฤทธิ์  จนกว่าจะหาย  ซึ่งวิธีการนี้นับว่ายังคงไม่สะดวกต่อ
                        [9]
                                     [11]
            เป็นสารในกลุ่ม napthoquinones และมีสารออกฤทธิ์  การน�าไปใช้จริงในชีวิตประจ�าวัน
            หลัก คือ ไรนาแคนทิน ซี (rhinacanthin C) [4-11]     ปัจจุบันมีการน�าทองพันชั่งมาท�าเป็นยาในรูป
                 สารสกัดทองพันชั่งมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อราหลาก  แบบ “ยาทิงเจอร์ทองพันชั่ง’’ ซึ่งยาดังกล่าวนี้ได้บรรจุ
            หลายชนิด เช่น เชื้อยีสต์ ได้แก่ Candida albicans,   อยู่ในบัญชียาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ
            C. tropicalis, Malassezia furfur และ M. glo-  โดยมีข้อบ่งใช้เป็นยาทาแก้กลาก เกลื้อน โรคผิวหนัง
            bosa เชื้อราในกลุ่มเดอร์มาโตไฟต์ (dermatophytes)   ที่เกิดจากเชื้อรา และน�้ากัดเท้า ท�าให้ทองพันชั่งอยู่ใน

            ได้แก่ Trichophyton rubrum, T. mentagro-    รูปแบบยาที่สะดวกและพร้อมใช้งานมากขึ้น อย่างไร
            phytes, Microsporum canis, M. gypseum, และ   ก็ตาม ต�ารับยาดังกล่าวไม่มีการก�าหนดปริมาณสาร

            Epidermophyton floccosum รวมถึงเชื้อราในกลุ่ม  ส�าคัญในการออกฤทธิ์ ระบุเพียงมีตัวยาส�าคัญเป็นสาร
            ที่ไม่ใช่เดอร์มาโตไฟต์ (non-dermatophytes) ได้แก่   สกัดเอทิลแอลกอฮอล์ (70 เปอร์เซ็นต์) ของใบทองพัน
            Aspergillus niger  และ Penicillium chrysoge-  ชั่งสด ร้อยละ 10 โดยน�้าหนักต่อปริมาตร (w/v)  ซึ่ง
                                                                                           [15]
            num [5,12-14]  โดยพบว่าสารสกัดใบทองพันชั่งมีฤทธิ์ฆ่า  การไม่ก�าหนดปริมาณสารส�าคัญอาจท�าให้การผลิตยา
            เชื้อรา (fungicidal activity) กลุ่มเดอร์มาโตไฟต์ที่  แต่ละครั้งมีคุณภาพไม่คงที่ และมีผลต่อประสิทธิผล
            ความเข้มข้นของสารสกัดสูงกว่าค่าความเข้มข้นต�่า  ของยาในการรักษาโรค นอกจากนี้ยาในรูปแบบ

            สุดที่สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อ (minimum   ทิงเจอร์จะมีปริมาณแอลกอฮอล์ในต�ารับสูง จึงมักก่อ
            inhibitory concentration, MIC) โดยสารสกัดไป  ให้เกิดการระคายเคืองในบริเวณเนื้อเยื่ออ่อน ผิวหนัง
            มีผลต่อผนังเซลล์ของเชื้อท�าให้เกิดความผิดปกติของ  ที่มีบาดแผลหรือมีแผลเปิด และการใช้สารสกัดจาก
   88   89   90   91   92   93   94   95   96   97   98