Page 94 - วารสารกรมการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 17 ฉบับที่ 3
P. 94

444 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก       ปีที่ 17  ฉบับที่ 3  กันยายน-ธันวาคม 2562




           4. ก�รวิเคร�ะห์ส�รประกอบฟีนอลิกในส�รสกัด    อยู่ในกลุ่มที่ 3 เนื่องจากมีค่า SI < 3 รวมไปถึงสารสกัด
           ย�งน� ด้วยเทคนิค HPLC                       จากใบที่มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งตับในระดับ moderate
                ในการวิเคราะห์สารประกอบฟีนอลิกในสารสกัด  cytotoxic ส่วนสารสกัดจากเปลือกและกิ่งยางนาไม่มี

           จากส่วนต่าง ๆ ของยางนา โดยเทียบกับสารมาตรฐาน  ฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งตับ (กลุ่มที่ 5)
           ฟีนอลิก 2 กลุ่มได้แก่ กลุ่ม hydroxybenzoic acids      ในการศึกษาฤทธิ์ต้านเชื้อราก่อโรคกลากและ
           (gallic acid, protocatechuic acid, p-hydroxy-  ก่อรังแคพบว่ามีเพียงสารสกัดจากใบและเปลือกของ

           benzoic acid, vanillic acid และ syringic acid)   ยางนาที่สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อราก่อโรค
           และกลุ่ม hydroxycinnamic acids (chorogenic   กลากสายพันธุ์ T. mentagrophytes แต่อย่างไร

           acid, p-coumaric acid, caffeic acid และ ferulic   ก็ตามสารสกัดยางนาไม่สามารถยับยั้งเชื้อราก่อโรค
           acid) สามารถระบุองค์ประกอบทางเคมีในสารสกัด  อื่น ๆ ที่นำามาทดสอบได้
           ยางนาได้ดังนี้ ส่วนใบ เปลือก กิ่ง พบ gallic acid เป็น     การวิเคราะห์สารประกอบฟีนอลิกในสารสกัด

           องค์ประกอบ โดยพบในเปลือกมากที่สุด อีกทั้งเปลือก  จากยางนาด้วยเทคนิค HPLC ซึ่งสามารถระบุถึง
           ยังพบ protocatechuic acid ส่วนกิ่งยางนาพบสาร   สารประกอบฟีนอลิกได้ทั้งกลุ่ม hydroxybenzoic

           p-coumaric acid และ ferulic acid ดังแสดงใน   acids และ hydroxycinnamic acids โดยพบว่า
           HPLC chromatogram (ภาพที่ 1)                ในสารสกัดยางนาพบสาร gallic acid, p-coumaric
                                                       acid, protocatechuic acid และ ferulic acid ซึ่ง
                         อภิปร�ยผล                     มีรายงานว่าสารประกอบฟีนอลิกดังกล่าวที่มีฤทธิ์ต้าน

                ในการศึกษาฤทธิ์ต้านมะเร็งของสารสกัด    มะเร็งโดยพบว่า gallic acid สามารถยับยั้งการเจริญ
           ยางนาในแต่ละส่วนพบว่าสารสกัดยางนาทุกส่วนมี  ของเซลล์มะเร็งเม็ดเลือด (Jurkat) และเหนี่ยวนำาให้

           ฤทธิ์ดีในการต้านเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดที่เพาะเลี้ยงใน  เกิดการตายแบบอะพอพโทซิส  และ p-coumaric
                                                                              [22]
           หลอดทดลอง ซึ่งในการจัดกลุ่มของสารที่มีฤทธิ์ต้าน  acid ที่ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งลำาไส้ (HCT-
           มะเร็งสามารถได้เป็น 5 กลุ่มดังนี้ กลุ่มที่ 1 poten-  15) ผ่าน ROS-mitochondrial pathway  อีกทั้ง
                                                                                        [23]
           tially cytotoxic (IC  < 100; SI ≥ 3) กลุ่มที่ 2 mod-  protocatechuic acid ที่เป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง
                           50
           erate cytotoxic (100 < IC  < 1000; SI ≥ 3) กลุ่มที่   หลายชนิดเช่น มะเร็งเต้านม (MCF7) มะเร็งปอด
                                50
           3 moderate cytotoxic (IC  ≤ 1000; SI < 3) กลุ่ม  (A549) มะเร็งตับ (HepG2) และมะเร็งต่อมลูกหมาก
                                 50
           ที่ 4 มีความเป็นพิษเฉพาะในเซลล์เพาะเลี้ยงที่ไม่ใช่  (LNCaP) ผ่านกลไก DNA fragmentation และการ
           เซลล์มะเร็ง (Vero cells) และกลุ่มที่ 5 ไม่มีฤทธิ์ [21]   เพิ่มขึ้นของเอนไซม์ caspase-3 และ 8 ที่ส่งผลให้เกิด

           ซึ่งจากผลการทดลองสามารถจัดกลุ่มได้ดังนี้ สารสกัด  การตายแบบอะพอพโทซิส  รวมไปถึง ferulic acid
                                                                           [24]
           จากใบ เปลือก และกิ่งของยางนา มีฤทธิ์ต้านเซลล์  ที่สามารถเหนี่ยวนำาให้เกิดการตายแบบอะพอพโทซิส

           มะเร็งเม็ดเลือดขาวในระดับ potentially cytotoxic   ในเซลล์มะเร็งเต้านม (MDA-MB-231)  ดังนั้นจะ
                                                                                     [25]
           (กลุ่มที่ 1) และสารสกัดทั้งสามส่วนยังมีฤทธิ์ต้านเซลล์  เห็นได้ว่าสารสกัดจากกิ่งยางนามีฤทธิ์ต้านมะเร็งเม็ด
           มะเร็งปากมดลูกในระดับ moderate cytotoxic ที่จัด  เลือดได้ดีที่สุด ซึ่งสัมพันธ์กับสารประกอบฟีนอลิก
   89   90   91   92   93   94   95   96   97   98   99