Page 201 - Acrobat J Trad-21-3-2566
P. 201

684 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก       ปีที่ 21  ฉบับที่ 3  กันยายน-ธันวาคม 2566




                         อภิปรำยผล                     ขณะที่การศึกษาวิจัยการใช้ TDZ เพียงอย่างเดียวที่
                จากการฟอกชิ้นส่วนของเนื้อเยื่อเจริญส่วนของ  ความเข้มข้น 0.1-0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร ท�าให้เกิดการ

                                                                                        [19]
           ข้อปอปิดโดยใช้ไฮเตอร์ ซึ่งเป็นชื่อทางการค้า โดยฟอก  พัฒนาของแคลลัสได้ดี เช่น ต้นชะเอมเทศ  ส่วน
           ครั้งแรกใช้ความเข้มข้นของไฮเตอร์ร้อยละ 10 เป็น  อาหารสูตรอื่น ๆ ได้แก่ MS 1.25 MS IBA และ KN
           เวลา 20 นาที และฟอกครั้งที่ 2 ใช้ไฮเตอร์ร้อยละ 10   ที่ระดับความเข้มข้นต่าง ๆ แคลลัสจะเจริญเติบโต

           เป็นเวลา 10 นาที มีการปลอดเชื้อสูงสุด ร้อยละ 80.5 ซึ่ง  ได้ไม่ดี แสดงให้เห็นว่าสารควบคุมการเจริญเติบโต
           เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการฟอก เนื่องจากไฮเตอร์-   มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเซลล์พืชเป็นอย่างมาก

           มีโซเดียมไฮโปครอไรท์เป็นส่วนประกอบร้อยละ 6 มี  ซึ่ง TDZ เป็นสารควบคุมการเจริญเติบโตที่ท�างาน
           ราคาถูกสามารถหาซื้อได้โดยทั่วไป ไม่เป็นอันตราย  คล้ายกับกลุ่มไซโตไคนิน ในขณะที่ NAA จะอยู่ใน
           ต่อเนื้อเยื่อพืชรวมถึงความเข้มข้นของสารที่ใช้ในการ  กลุ่มของออกซิน การเกิดแคลลัสโดยทั่วไปแล้วขึ้น

           ฟอก ระยะเวลา และชนิดของเนื้อเยื่อพืช มีส่วนส�าคัญ  อยู่กับสมดุลของสารควบคุมการเจริญเติบโตของ
           ที่ท�าให้การฟอกฆ่าเชื้อประสบความส�าเร็จได้   ไซโตไคนินและออกซิน โดยถ้าออกซินสูงกว่าไซโต-

                การศึกษาอาหารสูตรเพาะเลี้ยงแคลลัสจ�านวน   ไคนินเซลล์พืชจะพัฒนาไปเป็นราก ถ้าออกซินต�่ากว่า
           26 สูตร เป็นระยะเวลา 30, 45 และ 60 วัน สูตรอาหาร  ไซโตไคนินจะพัฒนาไปเป็นยอดหรือล�าต้น และถ้า
           ในกลุ่มของ TDZ 0.2-0.8 มิลลิกรัมต่อลิตร ร่วมกับ   หากออกซินเท่ากับไซโตไคนินจะพัฒนาเป็นแคลลัส

           NAA 0.1-0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร มีการเกิดแคลลัสได้  ซึ่งอาหารสูตร TDZ 0.4 ร่วมกับ NAA 0.3 มิลลิกรัม
           ดี โดยเฉพาะอาหารสูตร TDZ 0.4 ร่วมกับ NAA 0.3   ต่อลิตร ที่น�ามาเลี้ยงปอบิดมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน
           มิลลิกรัมต่อลิตร เลี้ยงเป็นระยะเวลา 45 วัน แคลลัส  อาหารสูตรดังกล่าวจึงสามารถชักน�าเป็นแคลลัสได้

           มีการเจริญเติบโตที่ดี มีสีเขียว มีแคลลัสมากและเกาะ  ค่อนข้างดี ทั้งนี้การเกิดแคลลัสขึ้นกับชนิดพืช ส่วน
           ตัวกันอย่างหนาแน่น มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของ  ต่าง ๆ ที่น�ามาเพาะเลี้ยง และระยะการเจริญเติบโต
           แคลลัส น�้าหนักสดมากที่สุด และมีน�้าหนักแห้งค่อน  ที่แตกต่างกัน

           ข้างดี เป็นสูตรอาหารที่เหมาะสมส�าหรับการเพาะเลี้ยง     จากการศึกษาหาปริมาณสาร RA อาหารสูตร
           แคลลัส สามารถย้ายลงในอาหารเพื่อเพิ่มปริมาณได้   TDZ 0.4 + NAA 0.3 มีปริมาณสาร RA สูงที่สุด

           ในขณะที่การใช้ TDZ เพียงอย่างเดียวก็สามารถเกิด  มีค่าเท่ากับร้อยละ 0.3939 โดยน�้าหนักแห้ง เป็น
           แคลลัสได้แต่แคลลัสจะมีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับ  อาหารสูตรที่เหมาะสมส�าหรับการชักน�าให้เกิดการ
           อาหารสูตร TDZ ร่วมกับ NAA สอดคล้องกับการ    สร้างสาร RA ได้ดี สูงกว่าฝักปอบิดที่มีตามธรรมชาติ

           ศึกษาส่วนตาข้างของมะรุมที่เพาะเลี้ยงบนอาหารสูตร   ประมาณ 4.5 เท่า และสูงกว่าฝักปอบิดที่ได้จากการ
           MS ที่เติม NAA 0.5 มิลลิกรัมต่อลิตรร่วมกับ TDZ   ปลูกประมาณ 31 เท่า ถึงแม้ว่ายอดปอบิดที่น�ามา

           0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร พบว่ามีอัตราการเกิดแคลลัส  ฟอกให้เกิดแคลลัสจะได้มาจากแหล่งเดียวกันกับที่
           ร้อยละ 100 มีน�้าหนักแคลลัสสดเฉลี่ยสูงสุด 5.35   ปลูกก็ตาม ซึ่งจากการปลูกปอบิดในแปลงปลูกนั้นจะ
           กรัม แคลลัสมีสีขาวและเกาะกันอย่างหลวม ๆ ใน  เห็นได้ว่าปอบิดสามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี โดย
                                               [18]
   196   197   198   199   200   201   202   203   204   205   206