Page 257 - วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก ปีที่ 19 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2564
P. 257

J Thai Trad Alt Med                                   Vol. 19  No. 2  May-Aug  2021  487



                            ่
              มีเนื้อกระจ�ยสมำ�เสมอดี ก�รแตกตัวอยู่ในเกณฑ์  เหม�ะสมในก�รใช้เฉพ�ะที่ เนยโกโก้ส�ม�รถเข้�กับ
              ม�ตรฐ�นคือไม่เกิน 30 น�ที  ก�รเตรียมครีมเครื่อง  ตัวย�ได้หล�ยชนิด
                                   [8-9]
              สำ�อ�ง โดยใช้ตัวทำ�อีมัลชัน เป็นกลุ่มสบู่ ส�ม�รถเกิด     กล่�วโดยสรุป ก�รปลูก ก�รเก็บเกี่ยวโกโก้

              ครีมเนื้อเบ� มีคว�มคงตัวดีท�งก�ยภ�พ ตลอดระยะ  ตลอดจ�กก�รนำ�ม�สกัดเนยโกโก้ ส�ม�รถนำ�ม�ใช้
              เวล�ศึกษ�ใน 6 สภ�วะ ตลอดเวล� 3 เดือนที่ศึกษ�   ประโยชน์ จนถึงขั้นตอนสุดท้�ยคือผลิตภัณฑ์ ย�และ

              เว้นแต่คว�มหนืดมีก�รเปลี่ยนแปลงในท�งลดลง โดย  เครื่องสำ�อ�ง โดยไม่ต้องพึ่งพ�วัตถุดิบจ�กภ�ยนอก
              เฉพ�ะที่ 45˚C อ�จเนื่องจ�กก�รเปลี่ยนแปลงรูปผลึก   ประเทศ
              ทำ�ให้คว�มหนืดลดลงและยังไม่คืนรูป ในช่วงเวล�

              ของก�รวัดคว�มหนืด เนยโกโก้จะถูกออกซิไดซ์               กิตติกรรมประก�ศ
              ได้ง่�ย ทำ�ให้เกิดก�รหืน เนื่องจ�กมีค่�ไอโอดีน     ขอขอบคุณคณะเภสัชศ�สตร์ มห�วิทย�ลัย

              ม�กกว่� 7 ดังนั้นจึงแนะนำ�ให้เก็บรักษ�ผลิตภัณฑ์  เชียงใหม่ ที่ให้ก�รสนับสนุนก�รวิจัย ด้วยงบประม�ณ
              ในที่มืด และเย็น และเนื่องจ�กเนยโกโก้ม�จ�ก  เงินร�ยได้ประจำ�ปี 2554
              ธรรมช�ติ อ�จจะให้ลักษณะท�งก�ยภ�พ สี กลิ่น แตก

              ต่�งกัน ก�รที่เนยโกโก้มีจุดหลอมเหลวต่ำ� จึงอ�จมี
              ปัญห�ในก�รเก็บรักษ�และก�รนำ�ม�ใช้เมื่ออ�ก�ศ               References
              ร้อน                                          1.  Mcfadden C. Chocolate Bible. London: Lorenz books
                                                              Publisher; 1999. 256 p.
                              ข้อสรุป                       2.  Urquhart D.H. Cocoa. Kenya: Longmans Publisher; 1961.
                                                              293 p.
                                                            3.  Laoongsri S. Textbook of Industrial crop; Pomology
                   ก�รศึกษ�นี้แสดงให้เห็นว่�ส�ม�รถนำ�เนย
                                                              Division. Maejo University; 1999, 127 p. (in thai)
              โกโก้ม�ใช้พัฒน�เป็นส่วนประกอบท�งย�และเครื่อง    4.  Tuncharoen K. Cocoa production and development.
              สำ�อ�ง เนยโกโก้มีคุณสมบัติต้�นอนุมูลอิสระ มีค่�กรด   Department of Agricultural Extension; 2002. 93 p. (in
                                                              Thai)
                                      ่
              ไขมันอิสระ ค่�เพอร์ออกไซด์ตำ� แต่ยังมีคุณสมบัติ    5.  Allen LV, Worthen DB, Mink B. Suppositories. Great
              เป็นไขมันที่มี polymorphism โดยมีถึง 3 รูป      Britain: The Pharmaceutical Press Publishing house;
                                                              2008. 245 p.
              ผลึก คือ β (m.p. 34.7), β’ (m.p. 27.8) และ g     6.  Lee KW, Kim YJ, Lee HJ, Lee CY. Cocoa has more

              (m.p. 38.0) โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูป β ใช้เป็นต้น   phenolic phytochemicals and a higher antioxidant
                                                              capacity than teas and red wine. J. Agric. Food Chem.
              แบบในก�รศึกษ�วิจัยด้�นก�รเปลี่ยนแปลงผลึก        2003;51:7292-5

              ได้เป็นอย่�งดี ในท�งวิทย�ศ�สตร์เภสัชกรรม และ    7.  Nielson SS. Food analysis. 4th ed. New York: Springer
                                                              Publishers; 2010. 602 p.
              มีคว�มนุ่มนวลต่อผิว เนื่องจ�กมีกรดโอเลอิก     8.  The United States Pharmacopeia 2011: USP 34; The
              (35.22%) และกรดไลโนเลอิก (2.78%) โดยก�รนำ�      national formulary: NF 29. Vol II. USA: United States

              เนยโกโก้ ไปพัฒน�เป็นย�เหน็บทว�ร จะมีข้อดีใน     Pharmacopoeial Convention; 2010. 1934 p.
                                                            9.  British Pharmacopoeia 2011. Vol I. Great Britain: British
              ด้�นที่เนยโกโก้ มีคว�มนุ่มนวล ไม่ระค�ยเคืองต่อผิว   Pharmacopoeia, Stationery Office; 2010. p. 187.
   252   253   254   255   256   257   258   259   260   261   262