Page 235 - วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก ปีที่ 19 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2564
P. 235

J Thai Trad Alt Med                                   Vol. 19  No. 2  May-Aug  2021  465




            197.54 ± 4.22 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ส่วนสาร   รับอาหารที่มีไขมันสูงมีค่าเฉลี่ยคอเลสเตอรอล
            มาตรฐาน trolox มีค่า IC  เท่ากับ 128.45 ± 4.22   ไตรกลีเซอร์ไรด์ HDL และ LDL เริ่มต้นไม่แตกต่าง
                                50
            ไมโครกรัม/มิลลิลิตร แสดงให้เห็นว่าสารสกัดส้มป่อย  กัน หนูทุกกลุ่มที่ได้รับอาหารที่มีไขมันสูงมีค่าเฉลี่ย
            มีฤทธิ์ต้านอนุมูลไฮดรอกซิลได้น้อยกว่า trolox โดย  คอเลสเตอรอลและ LDL เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำาคัญ
            มีความแรงในการต้านการเกิดปฎิกิริยาออกซิเดชัน   ทางสถิติ (p < 0.05) หลังจากได้รับอาหารที่มีไขมันสูง

            (TEAC) เป็น 0.65 เท่า เมื่อเทียบอนุพันธ์วิตามินอี   ตลอดทุกช่วงเวลาที่ติดตามผลทุก 2 สัปดาห์ (ตารางที่
            (trolox) ต่อกรัมของตัวอย่างสารสกัด          1 และ 2) และค่าเฉลี่ย HDL ลดลงอย่างมีนัยสำาคัญ
                 สารสกัดส้มป่อยมีฤทธิ์ต้านอนุมูลซุปเปอร์-  ทางสถิติ (p < 0.05) หลังจากได้รับอาหารที่มีไขมันสูง

            ออกไซด์ตามความเข้มข้นที่ใช้ทดสอบ โดยมีค่า IC 50    เป็นเวลา 4-12 สัปดาห์ (ตารางที่ 3) เมื่อเทียบกับหนู
            เท่ากับ 44.90 ± 4.17 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ส่วนสาร  ที่ได้รับอาหารปกติ ขณะที่ค่าเฉลี่ยไตรกลีเซอร์ไรด์ไม่
            มาตรฐาน gallic acid มีค่า IC  เท่ากับ 11.77 ± 0.56   เปลี่ยนแปลงตลอดการทดลอง
                                   50
            ไมโครกรัม/มิลลิลิตร แสดงให้เห็นว่าสารสกัดส้มป่อย     จากการเปรียบเทียบความแตกต่างของระดับ
            สามารถต้านอนุมูลซุปเ ปอร์ออกไซด์ได้ปานกลาง เมื่อ  ไขมันในเลือดระหว่างกลุ่มที่ได้รับอาหารที่มีไขมันสูง

            เทียบกับ gallic acid ซึ่งต้านอนุมูลซุปเปอร์ออกไซด์  พบว่าค่าเฉลี่ยคอเลสเตอรอลและ LDL ของหนูกลุ่ม
            ได้ดี                                       ที่ได้รับอะทอร์วาสแตติน หรือกลุ่มที่ได้รับสารสกัด
                                                        ส้มป่อยขนาด 200-800 มก./กก./วัน เป็นเวลา 4, 6,
            2. ผลก�รทดสอบฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ HMG-       8, 10 และ 12 สัปดาห์ มีค่าตำากว่าหนูกลุ่มควบคุม
                                                                               ่
            CoA reductase                               ที่ได้รับอาหารที่มีไขมันสูงอย่างมีนัยสำาคัญทางสถิติ


                 สารสกัดส้มป่อยสามารถยับยั้งเอนไซม์ HMG-  (p < 0.05) (ตารางที่ 1 และ 2) ขณะที่หนูกลุ่มที่ได้
            CoA reductase ตามความเข้มข้นที่ใช้ทดสอบ โดย  รับสารสกัดส้มป่อยขนาด 100 มก./กก./วัน มีระดับ
            มีค่า IC  เท่ากับ 71.38 ± 5.8 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร   คอเลสเตอรอล และ LDL ที่เพิ่มขึ้นไม่แตกต่างจาก
                  50
            สารสกัดส้มป่อยขนาด 100 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร มีผล  กลุ่มควบคุม และการลดลงของระดับคอเลสเตอรอล
            ยับยั้งการทำางานของเอนไซม์ HMG-CoA reductase   และ LDL ในหนูกลุ่มที่ได้รับสารสกัดส้มป่อยมีแนว
            คิดเป็นร้อยละ 84.30 ± 1.05 ขณะที่ยาพราวาสแตติน   โน้มเป็นการเปลี่ยนแปลงที่แปรตามขนาดของสาร

            0.5 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ซึ่งเป็นสารควบคุมบวกมีผล  สกัดที่ให้ ระดับคอเลสเตอรอลและ LDL ของหนูกลุ่ม

            ยับยั้งการทำางานของเอนไซม์นี้คิดเป็นร้อยละ 90.55 ±   ที่ได้รับสารสกัดส้มป่อยขนาด 200, 400 และ 800 มก./
                                                                       ่
            1.08 แสดงให้เห็นว่าสารสกัดส้มป่อยขนาดสูงกว่ายา  กก./วัน มีแนวโน้มตำากว่าหนูกลุ่มที่ได้รับยามาตรฐาน
            มาตรฐานมากจึงสามารถยับยั้งเอนไซม์ได้ใกล้เคียง  อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างดังกล่าวระหว่างกลุ่มที่ได้
            กับยาพราวาสแตติน                            รับสารสกัดส้มป่อยและกลุ่มที่ได้รับอะทอร์วาสแตติน

                                                        ไม่มีนัยสำาคัญทางสถิติ ขณะที่ค่าเฉลี่ยไตรกลีเซอร์ไรด์
            3. ผลต่อระดับไขมันในเลือด                   และ HDL ของหนูแรทระหว่างกลุ่มที่ได้รับอาหารที่มี

                 หนูที่ได้รับอาหารปกติและหนูทุกกลุ่มที่ได้  ไขมันสูงทั้ง 6 กลุ่มไม่แตกต่างกันตลอดการศึกษา
   230   231   232   233   234   235   236   237   238   239   240