Page 110 - วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก ปีที่ 19 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2564
P. 110
340 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก ปีที่ 19 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2564
ตารางที่ 4 ข้อมูลอาการไม่พึงประสงค์ที่พบจากการใช้ ความสอดคล้องกับทฤษฎีทางการแพทย์แผนไทย ที่
ยาศุขไสยาศน์ ระบุว่าโรคนอนไม่หลับมีสมุฏฐานวาตะเป็นที่ตั้งแห่ง
อาการไม่พึงประสงค์ จำานวน (ราย) ร้อยละ การเกิดโรค คือลมกำาเริบ และผู้ที่มีช่วงอายุตั้งแต่
n = 25
30 ปี ขึ้นไปจะมีวาตะเป็นสมุฏฐาน ช่วงวัยนี้จึงมีการ
อาการไม่พึงประสงค์ กำาเริบของลมหรือเจ็บป่วยด้วยโรคทางวาตะได้ง่าย [17]
- ไม่มี 8 32 ด้านโรคประจำาตัว พบว่า ร้อยละ 84 ของผู้ป่วยมีโรค
- มี 17 68
ลักษณะอาการไม่พึงประสงค์ที่พบ ประจำาตัว โดยที่ร้อยละ 44 มีโรคประจำาตัวมากกว่า 1
- ร้อนปาก คอและท้อง 11 44 โรคขึ้นไป ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาก่อนหน้าที่พบ
- คอแห้ง 4 16 ว่า ปัจจัยด้านการเจ็บป่วยทางกายมีผลต่อการนอน
- ร้อนร่างกาย เหงื่อออก 1 4 ไม่หลับ [14-16] และมีการศึกษาว่าผู้ที่มีโรคประจำาตัว 2
- หัวใจเต้นเร็ว 1 4 โรคขึ้นไป หรือมีโรคประจำาตัว ได้แก่ โรคพาร์กินสัน
- มึนงงศีรษะ 1 4
โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจขาดเลือด
โรคกระเพาะอาหาร โรคเบาหวาน เป็นปัจจัยกระตุ้น
14 ราย, และช่วง 45-59 mL/min/1.73 m 2 ราย ที่ทำาให้เกิดอาการนอนไม่หลับได้ โดยมีผลทำาให้ตื่น
2
หลังการใช้ยาศุขไสยาศน์ ผู้ป่วยมีค่าการทำางาน กลางดึกบ่อยและระยะเวลาการนอนหลับลดลง และ
ของตับ AST และ ALT อยู่ในเกณฑ์ผิดปกติ หลังการ ในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง มักมีปัญหาตื่นเช้ากว่า
ใช้ยา 1 เดือน 2 ราย ทั้งนี้พบว่าผู้ป่วยมีโรคประจำาตัว ปกติ ส่วนผู้ป่วยโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดมักมี
เป็นธาลัสซีเมีย มีค่าการทำางานของตับผิดปกติตั้งแต่ ปัญหานอนหลับยาก [16,18]
ก่อนใช้ยา (ค่า AST เท่ากับ 167 mg/dL) 1 ราย และ ประสิทธิผลต่อการนอนหลับพบว่า ผลรวม
พบผู้ป่วยมีค่าการทำางานของตับสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย คะแนนคุณภาพการนอนหลับ (global PSQI score)
(ค่า AST เท่ากับ 47 และ ALT เท่ากับ 50 mg/dL) 1 เปรียบเทียบก่อนการรักษาและหลังการติดตามแต่ละ
ราย, ค่าการทำางานของไต ผู้ป่วยมีค่า SCr อยู่ในเกณฑ์ ครั้งมีคะแนนลดลงกว่าก่อนการรักษาอย่างมีนัย
ผิดปกติหลังจากใช้ยา 1 เดือน 2 ราย และพบค่า SCr สำาคัญทางสถิติ (p < 0.05) ในการติดตามอาการครั้งที่
ผิดปกติหลังการใช้ยา 6 เดือน 1 ราย โดยทั้ง 3 ราย มี 1-5 โดยพบว่า มีคะแนนลดลงตั้งแต่การติดตามอาการ
การเปลี่ยนแปลงของค่า SCr สูงขึ้นเพียงเล็กน้อย โดย ครั้งแรก หรือหลังการรับประทานยาศุขไสยาศน์รูป
ไม่พบความผิดปกติของ eGFR ยกเว้นผู้ป่วย 1 ราย แบบผง ขนาด 500 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน
มีค่า eGFR ลดลงหลังการใช้ยา 1 เดือน (ลดลงจาก เป็นเวลาเฉลี่ย 4.12 ± 2.33 สัปดาห์ และเมื่อสิ้นสุด
60.1 mL/min/1.73 m เหลือ 52.48 mL/min/1.73 m ) การรักษามีผู้ป่วยร้อยละ 24 ที่มีคะแนนลดลงน้อย
2
2
กว่า 5 คะแนน คือไม่มีปัญหาการนอนหลับ ส่วนด้าน
อภิปร�ยผล การใช้ยานอนหลับ พบว่ามีผู้ป่วยที่สามารถลดการใช้
ผลการศึกษานี้ พบว่าอายุเฉลี่ยของผู้ป่วยที่มี ยานอนหลับได้ร้อยละ 12 และผู้ป่วยที่สามารถหยุด
ปัญหานอนไม่หลับ เท่ากับ 56.16 ± 13.08 ปี ซึ่งมี การใช้ยานอนหลับได้ร้อยละ 40 จึงมีความเป็นไปได้ที่