Page 141 - วารสารการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 18 ฉบับที่ 3
P. 141
วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก Journal of Thai Traditional & Alternative Medicine
ปีที่ 18 ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม 2563 Vol. 18 No. 3 September-December 2020
นิพนธ์ต้นฉบับ
การศึกษาคุณภาพเครื่องยาสารส้มสะตุ
อำ�ไพ พฤติวรพงศ์กุล , สุภัททร� รังสิม�ก�ร †,‡
*
* คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
† สถาบันการแพทย์แผนไทยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี 11000
‡ ผู้รับผิดชอบบทความ: rsupattra@outlook.com
บทคัดย่อ
สารส้มเป็นเครื่องยาธาตุวัตถุที่นิยมนำามาใช้เป็นยามีองค์ประกอบทางเคมี 2 ชนิด ได้แก่ สารส้มโพแทชหรือ
โพแทชอะลัม (potash alum) และสารส้มแอมโมเนียมหรือแอมโมเนียมอะลัม (ammonium alum) มีฤทธิ์ฝาดสมาน
มีสรรพคุณในการใช้ทั้งภายนอกและภายใน โดยสารส้มที่เป็นส่วนประกอบในตำารับยาแผนไทยต้องนำามาสะตุก่อน
นำามาปรุงยา การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพของสารส้มสะตุที่นำามาสะตุด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิม และ
เพื่อวิเคราะห์ชนิดของสารส้มว่าเป็นชนิดใด โดยใช้เทคนิคทางเคมี ผลการศึกษาคุณภาพทางเคมีของสารส้มสะตุพบ
ว่าสารส้มที่นำามาสะตุเป็นสารส้มแอมโมเนียม และเมื่อสะตุแล้วพบว่ามีปริมาณเกลือแอมโมเนียม ปริมาณสารที่ไม่
้
ละลายนำา ปริมาณอะลูมินา ปริมาณเหล็ก ปริมาณสารหนู ปริมาณทองแดง ปริมาณสังกะสี และปริมาณแคลเซียม
สูงขึ้นกว่าสารส้มที่ยังไม่สะตุ สารส้มและสารส้มสะตุมีความเป็นกรดโดยมีค่า pH เท่ากับ 3.47 และ 3.54 ตามลำาดับ
้
ผลการสะตุสารส้มพบว่าสารส้มที่สะตุแล้วมีนำาหนักที่หายไปคิดเป็นร้อยละ 53.65 ± 0.55 (n = 18) จากผลการศึกษา
้
สรุปได้ว่าการสะตุทำาให้ปริมาณนำาในโมเลกุลหายไป ทำาให้ผลวิเคราะห์ปริมาณแร่ธาตุต่าง ๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธาตุ
เหล็กเพิ่มขึ้นประมาณ 5 เท่า ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการศึกษานี้ช่วยสนับสนุนภูมิปัญญาไทยในการนำาสารส้มสะตุมาเข้า
ตำารับยา และมีกรรมวิธีการสะตุสารส้มก่อนนำามาปรุงยา นอกจากนี้ การศึกษาครั้งนี้ยังพบว่าสารส้มสะตุที่มีจำาหน่าย
ในท้องตลาดมีค่าการวิเคราะห์ทางเคมีใกล้เคียงกับสารส้มที่ยังไม่ได้สะตุ ทั้งนี้อาจเนื่องจากการสะตุไม่สมบูรณ์ หรือ
การเก็บรักษาสารส้มสะตุที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงจำาเป็นต้องเก็บในภาชนะปิดสนิทและป้องกันความชื้น
คำ�สำ�คัญ: สารส้ม, สารส้มสะตุ, การสะตุ, สารส้มแอมโมเนียม, สารส้มโพแทช
Received date 18/05/20; Revised date 24/08/20; Accepted date 30/10/20
573