Page 197 - วารสารกรมการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 17 ฉบับที่ 2
P. 197
J Thai Trad Alt Med Vol. 17 No. 2 May-Aug 2019 335
เปรี้ยว เสียงแหบแห้ง ขัดสีข้าง ขัดอก ท้องขึ้น กิน คัมภีร์ ตำาราอายุรเวท ยูนานิ สิทธา และโยคะรวม
อาหารไม่มีรส นอนไม่ใคร่หลับ...’’ (16) ยาแก้นอน 148 เล่ม เป็นข้อมูล 34 ล้านหน้า มีตำารับยาอายุรเวท
[25]
ไม่หลับ ยาแก้ไข้ผอมเหลือง [26] 80,000 ตำารับ ยูนานิ 1,000,000 ตำารับ และสิทธา
อนึ่ง ตำารับยาอไภยสาลี เคยจัดเป็นยาในบัญชี 12,000 ตำารับ พบคำาไวพจน์ของกัญชา ราว 40 คำา
ยาหลักแห่งชาติ กลุ่มยาสมุนไพรแล้วโดยตัดกัญชา จากการทบทวนตำารับยาอายุรเวทโดยสภาที่ปรึกษา
ออกจากตำารับ เพราะเวลานั้นกัญชาเป็นยาเสพติด การวิจัยทางศาสตร์อายุรเวท (Central Council for
ประเภท 5 ที่ยังไม่ผ่อนคลายตาม พ.ร.บ. ยาเสพติด Research in Ayurvedic Sciences : CCRAS) พบ
ให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 การตัดส่วนผสมกัญชา ตำารับยาอายุรเวท 191 ตำารับ ใน 13 รูปแบบ (dosage
ออกจากยาตำารับดังกล่าว บ่งว่า กัญชาอาจไม่ใช่ตัวยา form) ที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ ใช้รักษาโรค และ
สำาคัญในตำารับยาดังกล่าว อาการรวม 29 โรค / อาการ แสดงว่าในคัมภีร์/ ตำารา
[27]
ตำารับยาในคัมภีร์และตำาราการแพทย์แผนไทย อายุรเวท มีตำารับยาที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมไม่มากนัก
ที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ ส่วนที่ประกาศ 16 ตำารับ
อยู่ในกลุ่ม “ตำารับยาที่มีประสิทธิผล มีความปลอดภัย บทวิจ�รณ์
วิธีการผลิตไม่ยุ่งยากซับซ้อน ตัวยาหาไม่ยาก และ
มีสรรพคุณที่แก้ปัญหาสาธารณสุข’’ ตำารับยา “ที่มี 1. สถ�นก�รณ์คว�มรู้เรื่องกัญช�ในวงวิช�ก�ร
ประสิทธิผล แต่วิธีการผลิตไม่ชัดเจน ตัวยาหายาก” มี ประเทศไทย
11 ตำารับ ที่ควรให้มีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม 32 ตำารับ น่าสังเกตว่า ขณะที่วงวิชาการในต่างประเทศ
และที่มีส่วนประกอบที่อนุสัญญาไซเตส (CITES) และ มีบทความวิชาการเรื่องกัญชากว่าหนึ่งแสนเรื่อง
องค์การอนามัยโลกประกาศห้ามใช้และที่กฎหมายไม่ วารสารวิชาการในประเทศไทยมีเรื่องกัญชาเพียง
อนุญาต 31 ตำารับ 29 เรื่อง โดยบทความทั้งหมดมิใช่ผลการวิจัยทาง
วิทยาศาสตร์ เป็นเพียงการทบทวนความรู้จากต่าง
5. กัญช�ในตำ�ร�ก�รแพทย์แผนดั้งเดิมของ ประเทศเท่านั้น สะท้อนความอ่อนแออย่างยิ่งของวง
อินเดีย วิชาการประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่เรามีมหาวิทยาลัยนับ
อินเดียมีการแพทย์แผนโบราณถึง 6 ระบบ ร้อยแห่ง และมีสถาบันวิจัยระดับชาติอีกหลายแห่ง
ได้แก่ อายุรเวท โยคะ สิทธา ยูนานิ ธรรมชาติบำาบัด ข้อจำากัดสำาคัญประการหนึ่ง คือ เพราะกัญชาถูก
และโฮมิโอพาที เมื่อ พ.ศ. 2544 อินเดียได้จัดทำา จัดเป็นยาเสพติดให้โทษ จึงทำาให้เกิดความยุ่งยากใน
ห้องสมุดดิจิทัลความรู้แผนโบราณ (Traditional การทำาการศึกษาวิจัย แตกต่างจากในประเทศตะวันตก
Knowledge Digital Library: TKDL) โดยความ ที่เริ่มผ่อนคลายความเข้มงวดในการควบคุมกัญชาใน
ร่วมมือระหว่างสภาวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม ฐานะยาเสพติดให้โทษ มาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1970
(Council of Scientific and Industrial Research: ซึ่งมีผลให้มีการศึกษาวิจัยกัญชาอย่างกว้างขวาง และ
CSIR) และกระทรวงการแพทย์แผนโบราณ (AY- เกิดองค์ความรู้มากมาย อย่างไรก็ดี อุปสรรคดังกล่าว
USH) เพื่อคุ้มครองภูมิปัญญาดั้งเดิม มีการแปลง ก็มิใช่เป็นประตูที่ปิดตาย พระราชบัญญัติยาเสพติดให้