Page 199 - วารสารกรมการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 17 ฉบับที่ 2
P. 199
J Thai Trad Alt Med Vol. 17 No. 2 May-Aug 2019 337
ต่าง ๆ ที่หลากหลายในลักษณะสหวิทยาการ เป็นไปไม่ สามารถพบความสัมพันธ์ แต่มีส่วนน้อยมากที่พบ
ได้ที่จะทบทวนองค์ความรู้ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ เพราะผู้ใช้กัญชาโดยมากมัก
การนำาเสนอผลการศึกษานี้จึงนำาเสนอได้เฉพาะบาง มีการใช้สารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทชนิดอื่นควบคู่ไป
ประเด็น ที่เห็นว่าสำาคัญและโดยสังเขปเท่านั้น ด้วย บางคนใช้หลายชนิด ในส่วนของประสิทธิผลก็มี
ตามขนบของวงวิชาการสากล การศึกษาต่าง ๆ จำานวนน้อยที่มีหลักฐานที่พิสูจน์ประสิทธิผลได้อย่าง
จะต้องมีการออกแบบ และยึดระเบียบวิธีที่ถูกต้อง ชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับสรรพคุณที่อวดอ้างหรือ
เชื่อถือได้โดยตัดอคติต่าง ๆ ออกให้มากที่สุด การ เล่าลือกันก็พบว่าน้อยกว่ากันมาก ดังหนังสือที่ขายดี
ประเมินผลเรื่องความปลอดภัยจะต้องทำาอย่างเป็น เล่มหนึ่งบอกขนาดยาจากกัญชารักษาโรคต่าง ๆ ถึง
ขั้นตอน ตั้งแต่การตั้งประเด็น การออกแบบการ 17 โรค / กลุ่มอาการ ได้แก่ (1) Amyotrophic
[10]
ศึกษา การวัดผลและวิเคราะห์ผลอย่างเป็นขั้นตอน lateral sclerosis (2) Atopic Dermatitis (3) อาการ
โดยเฉพาะการแพทย์ปัจจุบัน ยึดหลักการแพทย์อิง ปวดเรื้อรัง (4) ช่วยให้อยากอาหารในผู้ป่วย Cystic
หลักฐาน (evidence-based medicine) อย่าง Fibrosis (5) ความจำาเสื่อม (6) ความผิดปกติใน
เคร่งครัด ผลต่าง ๆ ที่วัดได้ จะต้องมีการพิจารณา การกินอาหาร (7) โรคลมชักในผู้ใหญ่ (8) ปรับภาวะ
เบื้องต้นว่า มีความคงเส้นคงวา (consistent) หรือไม่ กรดไขมันในร่างกาย (9) การเคลื่อนไหวผิดปกติใน
มากน้อยเพียงใด ก่อนจะสรุปว่า สิ่งที่พบนั้นมีความ Huntington’s disease (10) อาการนอนไม่หลับ
สัมพันธ์ (association) กับกัญชาหรือไม่ หลังจาก (11) อาการจากโรคปลอกประสาทเสื่อม (12) ใช้เป็น
นั้นจะต้องพิจารณาว่าเป็นความสัมพันธ์เชิงเหตุ-ผล อาหารเสริม (13) โรคจิตเภท (14) โรคทูเรตต์ (15)
(causal relationship) หรือไม่ โรคปวดข้อรูมาตอยด์ (16) โรคต้อหิน (17) ป้องกัน
การวัดประสิทธิผล (efficacy) ก็จะต้องมีการ อาการคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำาบัด ยังมีบางคนนำาไป
ออกแบบการศึกษาเป็นระยะ ๆ (phases) ตามขั้นตอน ใช้รักษามะเร็ง อาการนอนกรน ตาอักเสบ อีกด้วย ซึ่ง
และเป็นการออกแบบที่สามารถตอบวัตถุประสงค์ โรค/อาการต่าง ๆ เหล่านี้ มีหลักฐานที่พิสูจน์ทั้งความ
ได้ ขนาดตัวอย่างและการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างก็ ปลอดภัย และประสิทธิผลค่อนข้างน้อยหรือน้อยมาก
จะต้องถูกต้องตามหลักสถิติ ในปัจจุบัน หลักฐานที่ หลายกรณีเป็นอันตราย
มีระดับความน่าเชื่อถือสูงสุด คือ ผลการศึกษาจาก
การวิเคราะห์อภิมาน (Meta-analysis) จากการ 3. นโยบ�ยและกฎหม�ย
วิเคราะห์ผลการศึกษาวิจัยแบบสุ่มเปรียบเทียบที่มี โดยที่กัญชามีการนำามาใช้อย่างกว้างขวางตั้งแต่
การออกแบบและดำาเนินการศึกษาที่มีคุณภาพสูง ครั้งโบราณกาล ทั้งเพื่อการรักษาโรค นันทนาการ
หลายการศึกษา โดยทั่วไปการศึกษาดังกล่าวมักต้อง และในพิธีกรรมต่าง ๆ แต่โดยที่กัญชามีฤทธิ์ต่อ
มีการสุ่ม และปกปิดสองด้านเพื่อลดอคติทุกรูปแบบ จิตประสาทและมีการเสพติด ทำาให้เกิดผลไม่พึง
จึงจะสรุปเรื่องประสิทธิผลได้อย่างน่าเชื่อถือ ประสงค์ทั้งต่อร่างกาย จิตใจ และสังคม จึงเริ่มมีการ
ในการศึกษาเรื่องผลของกัญชาต่ออวัยวะต่าง ๆ ใช้กฎหมายควบคุมกัญชา ตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่
ของร่างกาย ตลอดจนพฤติกรรมและสังคม ส่วนหนึ่ง 19 โดยเริ่มจากแรงงานอพยพในประเทศอาณานิคม