Page 99 - วารสารปีที่17ฉบับที่1
P. 99

J Thai Trad Alt Med                                    Vol. 17  No. 1  Jan-Apr 2019  89




            ชิ้นเล็ก ๆ ลงไป 1 ชิ้น และหยดกรดไฮโดรคลอริกเข้ม  มิลลิลิตร ปริมาณ 50 ไมโครลิตร เติมเชื้อแบคทีเรีย
                                                                    7
            ข้น (HCl conc.) จำานวน 5 หยด เขย่า แล้วนำาไปอุ่น  จำานวนเซลล์ 10  CFU/ml ลงไปในหลุมปริมาณ 50
            บนเครื่องอังนำ้า 5 นาที ถ้าสารละลายเปลี่ยนเป็นสี  ไมโครลิตร บ่มเลี้ยงเชื้อที่อุณหภูมิ 37˚C เป็นเวลา 24
            เหลือง ส้ม หรือแดง แสดงว่า พบฟลาโวนอยด์     ชั่วโมง ค่า MIC คือค่าความเข้มข้นตำ่าสุดที่ไม่เห็นการ
                   2.4 การตรวจสอบสารกลุ่มซาโปนิน:       เจริญเติบโตของแบคทีเรีย สังเกตได้จากความขุ่น การ

            ทดสอบการเกิดฟอง โดยชั่งสารสกัด 200 มิลลิกรัม   ทดลองทำา 3 ซำ้า
            เติมนำ้ากลั่น ปริมาตร 5.0 มิลลิลิตร นำาไปอุ่นบนเครื่อง     3.2 Minimum bactericidal concentration
            อังนำ้า 5 นาที เขย่าอย่างแรง ถ้าปรากฏฟองถาวรเกิด  (MBC) [16]

            ขึ้นในหลอดทดลอง แสดงว่าพบซาโปนิน                 วิเคราะห์ MBC ด้วยการนำาอาหารเลี้ยงเชื้อจาก
                   2.5 การตรวจสอบสารกลุ่มแทนนิน: ชั่งสาร  หลุมที่ไม่เกิดความขุ่นไปเพาะเลี้ยงเชื้อบน MHA แล้ว
            สกัดมา 200 มิลลิกรัม เติมนำ้ากลั่น ปริมาตร 1.0   นำาไปบ่มในตู้อบเพาะเลี้ยงเชื้ออุณหภูมิ 37˚C เป็น

            มิลลิลิตร นำาไปอุ่นบนเครื่องอังนำ้า 5 นาที กรองส่วนที่  เวลา 24 ชั่วโมง ความเข้มข้นตำ่าสุดที่ไม่เห็นเชื้อ
            ไม่ละลายออก นำาของเหลวที่ได้จากการกรอง เติมสาร  แบคทีเรียเจริญเติบโต จะเป็นค่า MBC การทดลองทำา

            ละลายเฟอริกคลอไรด์ (1% FeCl ) จำานวน 5 หยด   3 ซำ้า
                                      3
            เขย่า ถ้าปรากฏสารละลายเป็นสีเขียวดำาหรือนำ้าเงินดำา
            แสดงว่าพบแทนนิน                                           ผลก�รศึกษ�
                                           [15]
                 3. การทดสอบฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย
                   3.1 เพาะเลี้ยงแบคทีเรียแต่ละชนิดในอาหาร  1. ก�รสกัดส�รจ�กสมุนไพร

            เลี้ยงชนิด TSB เป็นเวลา 18-24 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิ      จากสมุนไพรเดี่ยวทั้ง 5 ชนิด และ เบญจผลธาตุ
            37˚C                                        เมื่อนำามาสกัดด้วยนำ้าและทำาให้แห้งด้วย freeze dry
                   3.1 Minimum inhibition concentration   พบว่าสารสกัดกกลังกา ลักษณะผงสีนำ้าตาลดำาเข้ม

            (MIC)                                       ปริมาณ yield crude extract มากที่สุดได้ 3.52%
                 ทำาการทดสอบด้วยวิธี microdilution method   รองลงมาคือสารสกัดเต่าเกียด ลักษณะผงสีนำ้าตาลส้ม
            โดยละลายสารสกัดแต่ละชนิดด้วยนำ้ากลั่นปลอดเชื้อ  ปริมาณ ได้ yield crude extract 2.54% สารสกัด

            ปรับความเข้มข้นตามความสามารถในการละลาย      เปราะหอม ลักษณะผงสีเหลืองขาว ได้ปริมาณ yield
            สูงสุด จากนั้นนำาสารสกัดสมุนไพรมาเจือจางลงทีละ   crude extract 2.02% สารสกัดหญ้าชันกาด
            2 เท่าด้วยอาหารเลี้ยงเชื้อ Muller Hinton broth   ลักษณะผงสีเหลืองขาว ได้ปริมาณ yield crude

            (MHB) ใน 96 well plate กกลังกามีความเข้มข้น  extract 1.92% และสารสกัดแห้วหมู ลักษณะผงสี
            ระหว่าง 0.49-250.0 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร เต่าเกียด  นำ้าตาล ปริมาณ yield crude extract น้อยที่สุด

            มีความเข้มข้นระหว่าง 0.195-100.0 มิลลิกรัมต่อ  ได้ 1.06% ส่วนสารสกัดที่ได้จากเบญจผลธาตุ
            มิลลิลิตร แห้วหมู หญ้าขันกาด เปราะหอม และเบญจ  ลักษณะผงสีนำ้าตาล ได้ปริมาณ yield crude ex-
            ผลธาตุ มีความเข้มข้นระหว่าง 0.097-50 มิลลิกรัมต่อ  tract 1.26% ดังตารางที่ 1
   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104