Page 218 - วารสารการแพทย์แผนไทย ปีที่ 20 ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม 2565
P. 218

632 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก         ปีที่ 20  ฉบับที่ 3  กันยายน-ธันวาคม  2565




           มาก ใบประดับติดทน สีออกขาว รูปใบหอกกว้าง    นอกจากนี้ ยังมีอะล็อกทิน (aloctin), อะล็อกทีนเอ
                                                                                   [6-7]
           กว้าง 5-6 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร มี  (aloctin A), อะล็อกทินบี (aloctin B)  กรดแอมิโน
           เส้น 5-7 เส้น ปลายแหลม เนื้อค่อนข้างบางและแห้ง   ไขมัน และสารกลุ่มสเตอรอล (sterols) เช่น ลูพีออล
           ดอกโค้งพับลง ก้านดอกสั้นกว่ากลีบรวม กลีบรวม 6   (lupeol), แคมเพสเตอรอล (campesterol), บีตา-ซิ
           กลีบ สีเหลืองอ่อนหรือสั้ม มีจุดประสีแดง โคนเชื่อม  โทสเตอรอล (b-sitosterol) [5]

           ติดกันเป็นหลอด ค่อนข้างโป่งด้านเดียว ยาว 2.5-3      ข้อบ่งใช้   รักษาแผลไฟไหม้ น�้าร้อนลวก ฝี
           เซนติเมตร ปลายแยกเป็นแฉกลึกเกือบครึ่งของหลอด   แผลพุพอง [8-9]
           ปลายแฉกโค้ง เกสรเพศผู้ 6 อัน ติดที่โคนหลอดกลีบ     ต�าราสรรพคุณยาไทยว่า ว่านหางจระเข้มีรส

           รวม ก้านชูอับเรณูรูปลิ่มแคบ สีขาว โผล่พ้นหลอดดอก  จืดเย็น แพทย์ชนบทใช้ใบผ่าครึ่งตัดเป็นวงกลม เอา
           ขึ้นมา 4-5 มิลลิเมตร อับเรณูมี 2 ช่อง ติดด้านหลัง   ปูนแดงทาที่วุ้นแล้วปิดขมับแก้ปวดศีรษะ เป็นต้น
                                                                                             [10]
           แตกตามช่องเปิดแนวตั้ง รังไข่เหนือวงกลีบมี 3 ช่อง   สรรพคุณพอกฝี รักษาแผลไฟไหม้ น�้าร้อนลวก รักษา

           แต่ละช่องมีหลายออวุล ก้านยอดเกสรเพศเมียเรียว  อาการไหม้จากแสงแดด รักษาโรคกระเพาะอาหาร
           คล้ายเส้นด้าย โผล่พ้นดอกชัด ยอดเกสรเพศเมียเล็ก   บ�ารุงร่างกาย แก้ร้อนใน [11]

           ผล แบบผลแห้งแตกกลางพู ยาว 1.4-2.2 เซนติเมตร       ข้อมูลการศึกษาวิจัยพรีคลินิกพบว่า ว่านหาง-
                               [1-2]
           เมล็ด มี 3 เหลี่ยม มักมีปีก                 จระเข้ มีฤทธิ์ต้านอักเสบ ท�าให้แผลสัตว์ทดลองที่เกิด
                ถิ่นกำาเนิดและการกระจายพันธุ์  พืชชนิดนี้อาจ  จากความร้อนหายเร็วขึ้น [12-15]  เป็นต้น

           เป็นพืชพื้นเมืองในแถบเมดิเตอร์เรเนียน แพร่พันธุ์ได้     ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยทางคลินิกในผู้ป่วย
           ดีในเขตร้อนในประเทศไทยนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ  แผลไหม้จากความร้อน 27 ราย เปรียบเทียบระหว่าง

           และเป็นยาสมุนไพร [1-2]                      การใช้ยาเจลว่านหางจระเข้ และการใช้ผ้าก๊อซเคลือบ
                ลักษณะเครื่องยา  วุ้นว่านหางจระเข้มีลักษณะ  วาสลีน พบว่าระยะเวลาที่ใช้รักษาแผลไหม้ในผู้ป่วย
                                                                                             [16]
           เป็นก้อนโปร่งใส ทิ้งไว้จะเป็นของเหลวหนืด โปร่งใส   ที่ใช้ยาเจลว่านหางจระเข้สั้นกว่าอย่างมีนัยส�าคัญ
           กลิ่นเฉพาะ รสจืด                            การศึกษาในผู้ป่วยที่มีแผลไฟไหม้น�้าร้อนลวกที่ไม่
                องค์ประกอบทางเคมี  วุ้นว่านหางจระเข้   รุนแรง 38 ราย เปรียบเทียบประสิทธิผลวุ้นสดกับ
           มีองค์ประกอบเป็นน�้าราวร้อยละ 98.5 สารกลุ่ม  ซิลเวอร์ซัลฟาไดอะซีน (silver sulfadiazine) พบว่า

           คาร์โบไฮเดรตราวร้อยละ 0.3 โดยมีสารกลุ่มพอลิ-  วุ้นสดได้ผลร้อยละ 95 ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับซิลเวอร์-
           แซ็กคาไรด์ (polysaccharides) เช่น กลูโคแมนแนน   ซัลฟาไดอะซีนได้ผลร้อยละ 83 และประมาณ 1 ใน
           (glucomannan), เอซีแมนแนน (acemannan),      3 ของผู้ป่วยทั้ง 2 กลุ่ม มีอาการระคายเคืองบริเวณ

                                                                   [17]
           เพกทิน (pectin), เฮมิเซลลูโลส (hemicellulose),   ที่ทายาเล็กน้อย  การศึกษาผลของยาครีมว่านหาง
           และสารกลุ่มมอโนเซ็กคาไรด์ (monosaccharides)   จระเข้ในผู้ป่วยแผลไหม้ระดับ 2 พบว่า กลุ่มที่ได้รับ

           และอนุพันธ์ เช่น แมนโนส (mannose), กาแล็กโทส   ยาครีมว่านหางจระเข้หายเร็วกว่ากลุ่มที่ได้รับซิลเวอร์-
                                                                              [18]
           (galactose), กรดกาแล็กทูโรนิก (galacturonic   ซัลฟาไดอะซีนอย่างมีนัยส�าคัญ
           acid), กรดแมนนูโรนิก (mannuronic acid)          การทบทวนอย่างเป็นระบบ (systematic re-
                                                [4-5]
   213   214   215   216   217   218   219   220   221   222   223