Page 164 - วารสารการแพทย์แผนไทย ปีที่ 19 ฉบับที่ 3
P. 164
710 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก ปีที่ 19 ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม 2564
วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น โดยมีการสอน สาธิตย้อนกลับ สื่อการสอนดังกล่าวจะต้องมีความชัดเจน เข้าใจง่าย
และทำาต่อเนื่อง การบริหารร่างกายแบบมณีเวชอย่าง และครอบคลุมตามหลักการของศาสตร์มณีเวช จึงจะ
ต่อเนื่องได้ผลลัพธ์ที่ดีเกี่ยวกับการลดอาการปวด ส่วน ส่งผลให้เกิดคุณภาพโดยรวมของการดูแลรักษาด้วย
อีก 1 งานวิจัยพบว่าการทรงตัว ความยืดหยุ่น และ ศาสตร์มณีเวช
ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อกำามือดีขึ้นกว่าก่อนฝึกและ ซึ่งเมื่อสรุปรูปแบบบทความทางวิชาการและ
สำาหรับกลุ่มส่งเสริมความก้าวหน้าของการคลอดอีก 4 งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับมณีเวชในการดูแลรักษา
เรื่องมีความคล้ายคลึงกันคือ การให้สอนและสาธิตการ สุขภาพด้วยศาสตร์มณีเวช สามารถนำาองค์ความรู้
นั่งท่าผีเสื้อ โดยมี 4 เรื่องพบว่ามีการสอนผู้ป่วยให้นั่ง ไปใช้ประโยชน์ต่อเนื่อง คือ 1) มีการสร้างคู่มือหรือ
ท่าผีเสื้อ ทำาให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีคือ ความปวดลดลง และ แนวปฏิบัติการใช้ศาสตร์มณีเวชในการดูแลรักษา
ช่วยให้ระยะเวลาเปิดของปากมดลูกเร็วขึ้น และมี 1 ผู้ป่วยโรคต่าง ๆ เช่นการดูแลหญิงเจ็บครรภ์คลอด
เรื่องวัดความพึงพอใจเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม กลุ่มอาการปวดต่าง ๆ 2) การร่วมขับเคลื่อนด้วยทีม
และกลุ่มทดลองพบความพึงพอใจมีค่าคะแนนที่ใกล้ สหวิชาชีพที่มีประสิทธิภาพ 3) การใช้หลักการบริหาร
เคียงกัน และจะเห็นได้ว่าวิธีการบริหารร่างกายแบบ ร่างกายด้วยศาสตร์มณีเวชช่วยในส่งเสริมสุขภาพใน
มณีเวชที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ที่ดีนั้นเกี่ยวข้องกับการให้ กลุ่มต่าง ๆ เพื่อสร้างเสริมการมีสุขภาพที่ดี
สอน การสาธิต และการทำาอย่างต่อเนื่อง
2. วิธีการการสอน การสาธิตเพื่อให้มีการปฏิบัติ อภิปร�ยผล
อย่างต่อเนื่อง มีงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 9 เรื่อง สามารถ งานวิจัยที่คัดเลือกมาทบทวนวรรณกรรมอย่าง
สรุปลักษณะของการสอนที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีได้ดังนี้ เป็นระบบครั้งนี้จำานวน 11 เรื่อง ซึ่งเป็นงานวิจัยที่
2.1 การสอน การให้ความรู้และฝึกการทำา ทำาในประเทศและตีพิมพ์เผยแพร่ ไม่พบงานวิจัย
กายบริหารแบบมณีเวชจากวิทยากรโดยทีมวิทยากร ในต่างประเทศ แม้ว่าจะได้ทำาการสืบค้นข้อมูลอย่าง
ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในศาสตร์มณีเวชแก่ ครอบคลุมตามฐานข้อมูลที่กำาหนดไว้ ในแง่ของความ
ผู้ป่วยสามารถช่วยให้เกิดความเข้าใจ และเกิดความ ทันสมัย พบว่ามีงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในช่วง
ตระหนักในการใช้ศาสตร์มณีเวช ช่วยให้เกิดความต่อ ปี พ.ศ. 2555-2560 มากที่สุด โดยเป็นงานวิจัยเชิง
เนื่องในการปฏิบัติ และส่งผลให้บรรเทาอาการปวดได้ ทดลองแบบมีกลุ่มควบคุม 2 เรื่อง การวิจัยกึ่งทดลอง
2.2 การใช้สื่อในการสอน เช่นการใช้รูปภาพ 7 เรื่อง งานวิจัยแบบ crossover design 1 เรื่อง และ
แสดงท่ากายบริหาร การแจกคู่มือการบริหารให้กลับ งานวิจัย R&D 1 เรื่อง โดยแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่ม
ไปใช้ที่บ้าน การจัดทำาแบบบันทึกข้อมูลช่วยส่งผลให้ รักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ 7 เรื่อง และกลุ่มส่งเสริม
เกิดการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ความก้าวหน้าของการคลอด 4 เรื่องซึ่งถือว่าในแง่ของ
จากผลการทบทวนดังกล่าวข้างต้น จะเห็นว่าวิธี คุณภาพในเชิงระเบียบวิจัย มีความน่าเชื่อถือ (หลัก
การสอน และสื่อในการสอนการบริหารร่างกายแบบ ฐานเชิงประจักษ์ระดับ level 1.c–level 2.d) โดยส่วน
มณีเวชมีความสำาคัญ เป็นการเน้นการมีส่วนร่วมใน ใหญ่ศึกษาในกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 25 คน และเป็น
การวางแผนการดูแลร่วมกันโดยการสอนและการใช้ งานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิผลการใช้มณีเวชใน