Page 176 - วารสารการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 19 ฉบับที่ 1
P. 176

158 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก       ปีที่ 19  ฉบับที่ 1  มกราคม-เมษายน 2564




           ตารางที่ 5  เปรียบเทียบระดับคะแนนความปวดของกล้ามเนื้อน่องข้างขวา (ทาน�้ามันนวดมะแขว่น) และน่องข้างซ้าย
                     (ทาน�้ามันหลอก) จ�าแนกตามก่อนและหลังการทาน�้ามัน

             ระดับคะแนนความปวด      กล้ามเนื้อน่องข้างขวา   กล้ามเนื้อน่องข้างซ้าย
             ในกลุ่มตัวอย่างทั้ง 3 กลุ่ม   (ทานำ้ามันนวดมะแขว่น)   (ทานำ้ามันหลอก)   t-value   df   p-value
                  (N = 60)            x        SD         x        SD
            ก่อนการทาน�้ามัน (วันที่ 0)   4.03   2.00   4.02      1.91      0.12    59    0.90 #
            หลังการทาน�้ามัน (วันที่ 6)   0.60   1.03   1.08      1.27     -3.16    59  0.003*
            p-value                0.000*               0.000*

           หมายเหตุ   ไม่มีความแตกต่างกันในทางสถิติ (p-value > 0.05) เปรียบเทียบระดับคะแนนความปวดระหว่างกล้ามเนื้อน่องข้าง
                   #
           ขวา (ทาน�้ามันนวดมะแขว่น) และกล้ามเนื้อน่องข้างซ้าย (ทาน�้ามันหลอก), * แสดงความแตกต่างอย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติ
           (p-value < 0.05) เปรียบเทียบระดับคะแนนความปวดระหว่างกล้ามเนื้อน่องข้างขวา (ทาน�้ามันนวดมะแขว่น) และกล้ามเนื้อ
           น่องข้างซ้าย (ทาน�้ามันหลอก), x คือ ค่าเฉลี่ย, SD คือ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน



           ต่างกันทางสถิติ ดังแสดง ในตารางที่ 4 นอกจากนี้       น�้ามันดอกทานตะวัน เป็นน�้ามันพาหะ (carrier

           พบว่า ค่าเฉลี่ยคะแนนความปวดของกล้ามเนื้อน่อง  Oil) ที่ได้รับการคัดเลือก เนื่องจากเมื่อเตรียมเป็น
           ข้างขวาในผู้เข้าร่วมวิจัยทั้ง 3 กลุ่ม หลังจากทาน�้ามัน  น�้ามันนวดเบื้องต้นโดยการผสมกับน�้ามันหอมระเหย
           มะแขว่น มีค่าเฉลี่ยคะแนนความปวดน้อยกว่ากลุ่มที่  จากผลแห้งมะแขว่นแล้ว เมื่อผ่านการทดสอบความ

           ใช้น�้ามันหลอก อย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติ (p-value    คงตัว โดยวิธีการเก็บในที่เย็นสลับร้อน (freeze and
           < 0.05) ดังแสดงในตารางที่ 5                 thaw cycle) ท�าให้มีความคงตัวดีที่สุด ซึ่งปรากฏ

                                                       ลักษณะทั่วไป, สี, กลิ่น และความรู้สึกเมื่อทาผิว เป็น
                         อภิปร�ยผล                     ไปตามลักษณะของน�้ามันนวดที่ดีตามประกาศ

                                       ้
                องค์ประกอบทางเคมีหลักของน�ามันหอมระเหย  ส�านักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  ส�าหรับ
                                                                                       [19]
           จากผลแห้งมะแขว่น ประกอบด้วย terpinen-4-ol,   ค่าความเป็นกรดด่าง มีค่าใกล้เคียง pH 5 ตาม
           limonene และ sabinene ซึ่งสอดคล้องกับผลการ  ประกาศส�านักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
           ศึกษาวิจัยก่อนหน้านี้  และองค์ประกอบทางเคมี  ของน�้ามันนวดที่ดี  นอกจากนี้ ค่าความหนืดของ
                            [10]
                                                                     [19]
           หลักทั้งหมดนี้ มีรายงานแสดงฤทธิ์ต้านการอักเสบ     น�้ามันดอกทานตะวันเมื่อผสมกับน�้ามันหอมระเหย
                                                 [12]
           limonene มีฤทธิ์ยังยั้งการหลั่งสารที่เกี่ยวข้องกับ  จากผลแห้งมะแขว่นแล้ว มีค่าความหนืดใกล้เคียงกับ
           การอักเสบ ทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง ได้แก่   น�้ามันนวดตัวที่รู้จักกันดีในท้องตลาด คือ น�้ามันไพล

           prostaglandin E , COX-2 Protein, iNOS และ   และน�้ามันลาเวนเดอร์ โดยที่น�้ามันไพลเป็นน�้ามันที่
                          2
           TNF-α [15-16]  terpinen-4-ol และ sabinene มีฤทธิ์  นิยมน�ามาใช้เพื่อการรักษา ส่วนน�้ามันลาเวนเดอร์ เป็น
           ยับยั้ง TNF-α และ IL-1β  และรายงานวิจัยก่อน  น�้ามันที่นิยมน�ามาใช้ในสุคนธบ�าบัดเพื่อความงาม
                                                                                             [21]
                                [20]
                       ้
           หน้านี้ พบว่า น�ามัน หอมระเหยจากผลแห้งมะแขว่น   ความหนืดของน�้ามัน มีผลต่อการเสียดสีของผิวหนัง
           มีฤทธิ์ยับยั้ง COX-2                        โดยที่น�้ามันจะช่วยหล่อลื่นระหว่างการนวด ท�าให้ผู้ถูก
                           [11]
   171   172   173   174   175   176   177   178   179   180   181