Page 69 - วารสารกรมการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 18 ฉบับที่ 2
P. 69

J Thai Trad Alt Med                                   Vol. 18  No. 2  May-Aug  2020  291




              มหาวิทยาลัยมหิดล ส่วนยาหลอกเป็นยาที่มีรูปแบบ  สถิติ Independent t test, Mann-Whitney test,
              เช่นเดียวกับยาปลูกไฟธาตุ ในงานวิจัยนี้ก�าหนดให้  Chi-square test, Fisher’s exact และ Wilcoxon
              เป็นยาแคปซูลขนาดแคปซูลละ 250 มิลลิกรัม ภายใน  signed-rank test โดยก�าหนดค่านัยส�าคัญทางสถิติ

              บรรจุแป้งข้าวโพดซึ่งไม่ส่งผลต่อการกระตุ้นน�้านม ไม่  ที่ค่า p < 0.05
              ส่งผลให้เป็นอันตรายกับผู้ใช้ยา และการไหลของผง

              ยาดีกว่าแป้งชนิดอื่น มีการส่งตรวจวิเคราะห์ที่ศูนย์       ผลก�รศึกษ�
              วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 5 นครราชสีมา ผลิตภัณฑ์     ผลการวิเคราะห์ข้อมูลลักษณะทางประชากรที่
              ยาปลูกไฟธาตุและยาหลอกถูกก�าหนดให้มีรหัสยาจาก  จุดเริ่มต้นของการศึกษา ได้แก่ อายุเฉลี่ย ปริมาตร

              หมายเลข 1-49 ตามหลักการสุ่มแบบบล็อก (blocked   น�้านมก่อนให้ยา ประวัติการตั้งครรภ์ ประวัติการแท้ง
              randomization) ก�าหนดขนาดบล็อก (block size)   บุตร อายุครรภ์เฉลี่ย และอาชีพ พบว่า ทั้งสองกลุ่มไม่

              เท่ากับ 4                                   แตกต่างกัน ดังแสดงในตารางที่ 1

              วิธีก�รศึกษ�                                ผลต่อปริม�ตรนำ้�นม

                   1. ขั้นตอนก�รศึกษ�                         ผลการวัดปริมาตรน�้านมหลังการให้ยาแสดงใน

                   ขั้นตอนการศึกษาเริ่มต้นที่การประชาสัมพันธ์  ตารางที่ 2 พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับยาปลูกไฟธาตุ
              โครงการแก่ผู้เข้าร่วมวิจัยแม่หลังคลอด โดยการติด  และกลุ่มที่ได้รับยาหลอกมีปริมาตรน�้านมเพิ่มขึ้น

              ป้ายประชาสัมพันธ์ในโรงพยาบาลที่เป็นแหล่งศึกษา   อย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติในระยะเวลา 3 วัน นับจาก
              ประเมินผู้เข้าร่วมวิจัยแม่หลังคลอดตามเกณฑ์ ผู้เข้า  เริ่มได้รับยา (p < 0.001) โดยกลุ่มที่ได้รับยาหลอก
              ร่วมวิจัยแม่หลังคลอดที่เข้าร่วมการศึกษาแต่ละคนจะ  สามารถเพิ่มปริมาตรน�้านมได้ 43.12 ± 40.08

              ถูกให้ยาตามล�าดับที่จัดไว้ ท�าให้ผู้เข้าร่วมวิจัยถูกแบ่ง  มิลลิลิตร ส่วนกลุ่มที่ได้รับยาปลูกไฟธาตุสามารถเพิ่ม
              ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้รับยาปลูกไฟธาตุหรือยาหลอก ทั้ง  ได้ 51.01 ± 54.97 มิลลิลิตร ปริมาตรน�้านมที่เพิ่มขึ้น

              สองกลุ่มรับประทานยาขนาด 250 มิลลิกรัม จ�านวน 3   ทั้งหมดไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติ
              เม็ดวันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหาร และก่อนนอน เป็นเวลา   ระหว่าง 2 กลุ่ม (p = 0.567)
              3 วัน ประเมินผลด้วยการวัดปริมาตรน�้านมเป็นหน่วย     เมื่อวิเคราะห์จ�านวนคนที่มีปริมาตรน�้านมเพิ่ม

              มิลลิลิตร โดยใช้เครื่องปั๊มนม ก่อนให้ยามื้อต่อไปวัน  ขึ้นโดยเทียบกับก่อนใช้ยา พบว่า กลุ่มที่ได้ยาปลูก
              ละ 4 ครั้ง ติดตามอาการไม่พึงประสงค์และความพึง  ไฟธาตุ มีจ�านวนคนที่มีปริมาตรน�้านมเพิ่มขึ้น 110

              พอใจของผู้เข้าร่วมวิจัยตลอดการศึกษา (ภาพที่ 1)  มิลลิลิตรขึ้นไป อยู่จ�านวน 6 คน (ร้อยละ 25) ซึ่ง
                   2. ก�รวิเคร�ะห์ข้อมูล                  มากกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอกซึ่งมีเพียง 1 คน (ร้อยละ
                   วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม STATA     4) อย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติ (c  = 4.4100, df = 1, p
                                                                                 2
              ลักษณะทางประชากรของกลุ่มตัวอย่างวิเคราะห์ด้วย  = 0.036) (ตารางที่ 3) ส่วนจ�านวนคนที่มีปริมาตรน�้านม
              สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและ  เพิ่มขึ้นน้อยกว่า 110 มิลลิลิตร พบว่า กลุ่มที่ได้รับยา
              ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานโดยใช้    หลอกมีจ�านวน 24 คน (ร้อยละ 96) มากกว่ากลุ่มที่ได้
   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74