Page 214 - วารสารกรมการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 18 ฉบับที่ 2
P. 214
436 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก ปีที่ 18 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2563
สีชมพูอ่อน ใบประดับรูปใบหอก ยาว 4-5 เซนติเมตร ศูนย์กลาง 5-9 เซนติเมตร ผิวย่น สีนำ้าตาลอ่อนถึงสี
กลีบเลี้ยงสีขาวหรือสีขาวอมสีชมพูอ่อน โคนติดกัน นำ้าตาลเข้ม อาจพบรากฝอยขนาดเล็กติดอยู่ด้วย ส่วน
เป็นหลอด ยาว 1.5-2 เซนติเมตร ปลายแยกเป็น 3 เหง้าและรากที่ตัดเป็นชิ้นบาง ๆ มีทั้งที่ตัดตามยาวและ
แฉก กลีบดอกโคนติดกันเป็นหลอด ยาว 4.5-5.5 ตามขวาง ขนาดไม่แน่นอน ผิวนอกย่น สีนำ้าตาล เนื้อ
เซนติเมตร ปลายแยกเป็น 3 แฉก รูปขอบขนาน ขนาด ในสีนวลถึงสีนำ้าตาลอ่อน กลิ่นหอมเฉพาะ รสเผ็ดร้อน
ไม่เท่ากัน แฉกใหญ่ 1 กลีบ กว้างประมาณ 7 มิลลิเมตร ขม [1]
ยาวประมาณ 1.8 เซนติเมตร อีก 2 แฉกขนาด องค์ประกอบทางเคมี กระชายมีนำ้ามันระเหยง่าย
เท่ากัน กว้างประมาณ 5 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 1.5 (volatile oil) เล็กน้อย มีองค์ประกอบเคมีเป็นสาร
เซนติเมตร กลีบข้าง (เกสรเพศผู้เป็นหมันคล้ายกลีบ โบเซนเบอร์จินเอ (boesenbergin A), โบเซนเบอร์-
ดอกอยู่ด้านข้าง) มี 2 กลีบ สีชมพูอ่อน รูปไข่กลับ ยาว จินบี (boesenbergin B), แพนดูราทินเอ (pandura-
ประมาณ 1.5 เซนติเมตร กลีบปาก (เกสรเพศผู้เป็น tin A), แพนดูราทินบี (panduratin B), คาร์ดามอนิน
หมันคล้ายกลีบดอกอยู่ตรงกลาง) สีขาวหรือสีชมพู (cardamonin), 2’,6’-ไดไฮดรอกซี-4’-เมทอกซีชาล
รูปไข่กลับหรือรูปขอบขนานกว้าง ยาว 2.5-3.5 เซนติเมตร โคน (2’,6’-dihydroxy-4’-methoxychalcone),
โค้งเว้าเข้าใน ขอบหยิกงอเล็กน้อย ปลายผาย มีสีชมพู 5,7-ไดเมทอกซีเฟลโวน (5,7-dimethoxyflavone)
หรือสีม่วงแดงเป็นเส้น ๆ อยู่เกือบทั้งกลีบ เกสรเพศ ตลอดจนอนุพันธ์ของกลุ่มเฟลโวนอยด์ (flavonoids)
ผู้สมบูรณ์มี 1 อัน ก้านชูอับเรณูสั้นและหุ้มก้านชูยอด กลุ่มชาลโคน (chalcones) และเฟลโวน (flavone)
เกสรเพศเมีย สันอับเรณูพับกลับ ปลายเว้าตื้น รังไข่ อื่น ๆ อีกหลายชนิด [1-2,4-5]
ใต้วงกลีบ รูปขอบขนาน มี 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล ข้อบ่งใช้ -
จำานวนมาก ผล แบบผลแห้งแตก เมล็ด สีดำา เยื่อหุ้ม ตำาราสรรพคุณยาไทยว่า กระชายมีรสเผ็ดร้อน
เมล็ดจักเป็นครุย [1-3] ขม แก้ปวดมวนในท้อง แก้ชัก แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
ถิ่นกำาเนิดและการกระจายพันธุ์ บำารุงกำาลัง บำารุงกำาหนัด เป็นต้น [1,4,6-7]
พืชชนิดนี้มีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศ ข้อมูลจากการศึกษาทางพรีคลินิกพบว่าสาร
อินเดีย สาธารณรัฐประชาชนจีน และแถบเอเชียเขต สกัดกระชายแสดงฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย และเชื้อรา
[8]
ร้อน ในประเทศไทยพบได้ทั่วไป ชอบขึ้นในดินปนทราย บางชนิด สาร 5,7-ไดเมทอกซีเฟลโวนแสดงฤทธิ์ต้าน
[9]
ปลูกเป็นพืชสวนครัวและปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ [3-4] การอักเสบ และฤทธิ์ลดไข้ [5]
[5]
ลักษณะเครื่องยา เหง้าแห้งรูปร่างและขนาดไม่ หมายเหตุ
แน่นอน ค่อนข้างแบน อาจพบในรูปเหง้าทั้งชิ้น หรือ 1. ตำาราบางเล่มเรียกส่วนเหง้าว่า “กระโปก
เหง้าที่หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ขนาดต่าง ๆ กัน ส่วนรากอาจ กระชาย’’ [1,7]
พบทั้งราก หรือที่หั่นเป็นท่อนขนาดต่าง ๆ กัน หรือ 2. ผลการทดสอบความเป็นพิษในสัตว์ทดลอง
อาจพบส่วนของรากติดกับส่วนของเหง้า รากแห้งที่ พบว่า กระชายและสาร 5,7-ไดเมทอกซีเฟลโวนไม่
สมบูรณ์รูปทรงกระบอก ปลายแหลม เส้นผ่าน ทำาให้เกิดพิษในสัตว์ทดลอง [4-5]