Page 230 - วารสารการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 19 ฉบับที่ 1
P. 230

212 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก       ปีที่ 19  ฉบับที่ 1  มกราคม-เมษายน 2564




           ช่อย่อยแบบช่อเชิงหลั่น แต่ละช่อมี 3 ดอก ก้านช่อดอก  คล้ายก้าน รูปทรงกระบอกค่อนข้างแบนหรือเป็นสัน
           สั้นมากหรือยาวได้ถึง 1 เซนติเมตร ใบประดับและใบ  สี่เหลี่ยม ตัน กว้างประมาณ 4 มิลลิเมตร ยาว 1-1.3
                                                                                           ้
           ประดับย่อยรูปสามเหลี่ยม ยาว 2-3 มิลลิเมตร ดอก   เซนติเมตร หนาประมาณ 2 มิลลิเมตร มีต่อมนำามัน
           สีขาวอมเขียว สีเหลืองอ่อน หรือสีเหลืองอมเขียว ก้าน  กระจายอยู่ทั่วไป ส่วนบนมีกลีบเลี้ยง 4 กลีบ รูป
           ดอกยาว 3-7 มิลลิเมตร ฐานดอกรูปทรงกระบอกแคบ   สามเหลี่ยม ยาวประมาณ 3 มิลลิเมตร กางออก ถัด

           ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร เป็นสัน โคนค่อนข้างแคบ   เข้าไปเป็นกลีบดอก 4 กลีบ บาง ซ้อนเหลื่อมและโค้ง
           กลีบเลี้ยงสีเขียวและเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อดอกบาน   เข้าหากันหุ้มรอบเกสรเพศผู้ซึ่งมีจำานวนมากและเกสร
           โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดยาว 5-7 มิลลิเมตร ปลาย  เพศเมียไว้ทำาให้มีลักษณะเป็นก้อนกลม เส้นผ่าน

           แยก 4 แฉก รูปไข่แคบ ยาว 3-4 มิลลิเมตร ปลาย  ศูนย์กลางประมาณ 5 มิลลิเมตร สีจางกว่าส่วนโคน
           แหลม ขอบเรียบ ใส กลีบดอกมี 4 กลีบ รูปขอบขนาน  กลิ่นหอมเฉพาะ รสเผ็ดร้อน และชา [1-2, 6]
           หรือกลม ยาว 7-8 มิลลิเมตร ขอบเรียบ ใส มีต่อม     องค์ประกอบทางเคมี กานพลูมีองค์ประกอบ
                                                               ้
            ้
           นำามันมาก ร่วงง่าย เกสรเพศผู้มีจำานวนมาก ร่วงง่าย   หลักเป็นนำามันระเหยง่าย (volatile oil) ร้อยละ
           ก้านชูอับเรณูยาว 7.1-7.4 มิลลิเมตร อับเรณูรูปไข่หรือ  14-23 และกรดแกลโลแทนนิก (gallotannic acid)
                                                                    ้
           รูปขอบขนานแกมรูปไข่ ยาวประมาณ 0.5 มิลลิเมตร   ร้อยละ 10-13 นำามันกานพลูประกอบด้วยสารกลุ่ม
           รังไข่กึ่งใต้วงกลีบ มี 2 ช่อง แต่ละช่องมีออวุลมาก ก้าน  เทอร์พีนอยด์ (terpenoids) หลายชนิด ที่สำาคัญคือ
           เกสรเพศเมียยาวประมาณ 4 มิลลิเมตร ผล แบบผล   ยูจีนอล (eugenol) ซึ่งมีมากถึงร้อยละ 60-90 นอกจาก

           มีเนื้อหนึ่งถึงหลายเมล็ด รูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ   นั้น ยังมีแอลฟา-แคริโอฟิลลีน (a-caryophyllene),
           กว้างประมาณ 1.5 เซนติเมตร ยาว 2-2.5 เซนติเมตร   บีตา-แคริโอฟิลลีน (b-caryophyllene), อะเซทิลยูจีนอล

           มักมีกลีบเลี้ยงติดทนที่ปลายผล แก่จัดสีแดง เมล็ด มี   (acetyl eugenol), เมทิลเอมิลคีโทน (methyl amyl
           1 เมล็ด รูปขอบขนาน ยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร มี  ketone), ชาวิคอล (chavicol) เป็นต้น [1-5,11-12]
           ร่องด้านเดียว [6,9-10]                          ข้อบ่งใช้
                ถิ่นกำาเนิดและการกระจายพันธุ์ พืชชนิดนี้     ตำาราสรรพคุณยาไทยว่ากานพลูมีรสเผ็ดร้อน

           เป็นพืชพื้นเมืองของหมู่เกาะโมลุกกะ (Molucca)   ปร่า สรรพคุณกระจายเสมหะ แก้เสมหะเหนียว แก้
           ประเทศอินโดนีเซีย นำาไปปลูกในเขตร้อนทั่วโลก ใน  เลือดออกตามไรฟัน แก้หืด ทำาให้อาหารงวด แก้ปวด

           ประเทศไทยนำามาปลูกบ้างแต่ไม่แพร่หลาย มีปลูก  ฟัน แก้รำามะนาด [13-14]  แก้ปวดท้อง แก้ลม แก้เหน็บชา
           มากที่จังหวัดจันทบุรีและชุมพร ชอบขึ้นในที่ดินร่วน  แก้พิษโลหิต พิษนำ้าเหลือง ขับนำ้าคาวปลา ทำาอุจจาระ
                        ้
           ซุย การระบายนำาดี ความชื้นสูง ฝนตกชุก ขึ้นได้ดี   ให้ปกติ แก้ธาตุทั้ง 4 พิการ แก้ท้องเสีย กดลมให้ลงสู่
                              ้
                                                             [14]
           บนพื้นราบตั้งแต่ระดับนำาทะเลจนถึงประมาณ 900   เบื้องตำ่า  นำ้ามันกานพลูใช้แก้ปวดฟัน [14-15]
           เมตร [1-2,5,9-11]                               ข้อมูลจากการวิจัยพรีคลินิกพบว่าสารยูจีนอล
                                                             ้
                ลักษณะเครื่องยา กานพลูรูปคล้ายลูกโกร่ง  ที่มีในนำามันกานพลูมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญของ
                                   ้
           บดยา ยาว 1-2 เซนติเมตร สีนำาตาลแกมสีแดง หรือ  เชื้อแบคทีเรียทั้งชนิดแกรมบวกและแกรมลบ และ
              ้
           สีนำาตาลเข้ม ส่วนล่างเป็นฐานดอกรูปถ้วยลักษณะ  เชื้อรา และยังมีฤทธิ์แก้ปวด และทำาให้ชา จึงมีการนำา
   225   226   227   228   229   230   231   232   233   234   235