Page 170 - วารสารการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 18 ฉบับที่ 3
P. 170
602 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก ปีที่ 18 ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม 2563
อภิปร�ยผล ไว้ครอบครอง ให้กับประชาชนอย่างถูกต้อง และ
ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มี ครอบคลุมทุกพื้นที่
ความรู้เกี่ยวกับกัญชาในการรักษาโรคอยู่ในระดับ ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มี
ปานกลาง ในข้อที่ตอบได้ถูกต้องที่สุดคือในเรื่อง ทัศนคติเกี่ยวกับการใช้กัญชาอยู่ระดับปานกลางมี
ของส่วนที่มีสาระสำาคัญในกัญชามากที่สุด คิดเป็น คะแนนเฉลี่ย 2.95 ทั้งนี้เป็นเพราะความรู้หรือความ
ร้อยละ 86.00 จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ส่วนที่ตอบได้ นึกคิดเป็นส่วนที่เป็นความเชื่อของบุคคลทั้งในสิ่งที่
น้อยที่สุดเป็นเรื่องเกี่ยวกับลักษณะของการนำากัญชา ชอบและไม่ชอบหากบุคคลมีความรู้หรือความสนใจ
มาใช้ในการรักษาโรค ทั้งนี้เป็นเพราะกลุ่มตัวอย่าง ในสิ่งนั้น ๆ มักมีทัศนคติที่ดีต่อสิ่งนั้น หากมีความรู้
ส่วนใหญ่ไม่เคยได้รับข้อมูลข่าวสารเรื่องการใช้กัญชา มาก่อนว่าสิ่งใดไม่ดีก็จะมีทัศนคติไม่ดีต่อสิ่งนั้น ผล
ทางการแพทย์แม้ปัจจุบันประชาชนให้ความสนใจใน จากการศึกษากลุ่มตัวอย่างให้เห็นถึงความสำาคัญ
การใช้พืชสมุนไพรโดยศึกษาจากโฆษณาหรือทางสื่อ และประโยชน์ของการใช้กัญชาในทางการแพทย์
ออนไลน์อย่างมากมายก็ตาม ซึ่งสอดคล้องกับงาน ในการรักษาโรคซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของสุกิจ
วิจัยของภิษณี วิจันทึก ที่ศึกษาความรู้ทัศนคติและ ไชยชมภูเป็นการศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับ
[10]
พฤติกรรมการใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรของประชาชน พฤติกรรมการใช้สมุนไพรรักษาโรคของประชาชน
บ้านหนองบัวศาลา อำาเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ในเขต 11 กระทรวงสาธารณสุข มีทัศนคติต่อการใช้
ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความ สมุนไพรรักษาโรคซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง ทั้งนี้ผู้มี
รู้เกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรอยู่ในระดับ ส่วนเกี่ยวข้องควรจัดกิจกรรมหรือการอบรมเผยแพร่
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 51.20 งานวิจัยของสุกิจ ข้อมูล เรื่องการใช้กัญชาในการรักษาโรค เพื่อสร้าง
[11]
ไชยชมภูและคณะ ซึ่งศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ ความรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติที่ดีต่อการใช้กัญชา
กับพฤติกรรมการใช้สมุนไพรรักษาโรคของประชาชน ในการรักษาโรคให้เป็นไปตามกฎหมายกำาหนด อันจะ
ในเขต 11 กระทรวงสาธารณสุข พบว่ากลุ่มตัวอย่าง นำาไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสมรวมถึงจะเป็นการ
มีพฤติกรรมการใช้สมุนไพรรักษาโรคโดยรวมอยู่ใน สร้างความมีคุณค่าแก่สมุนไพรไทยว่ามีประสิทธิผล
ระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 36.20 อีกทั้งยังพบ เทียบเคียงได้กับยาแผนปัจจุบันซึ่งจะเป็นทางเลือก
่
ว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาตำากว่า หนึ่งให้กับประชาชนในการรักษาโรค อีกทั้งจะช่วยลด
ปริญญาตรียังไม่มีความรู้ในเรื่องของการรักษาโรค งบประมาณในการรักษาโรคให้แก่ระบบสุขภาพไทย
ด้วยกัญชา ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องควรเร่งพัฒนาจัดให้
มีกิจกรรมหรือการอบรมเผยแพร่ข้อมูลความรู้เกี่ยว ข้อสรุป
กับการใช้กัญชาในการรักษาโรค เช่น ลักษณะทาง จากผลการวิจัยประชาชนยังมีความรู้เรื่อง
พฤกษศาสตร์ของต้นกัญชา รูปแบบการนำากัญชามา ลักษณะต้นของกัญชา อาการที่ใช้กัญชาในการบำาบัด
ใช้ อาการป่วยที่สามารถใช้กัญชาการรักษาได้ โรค รักษารวมถึงผลข้างเคียงจากการใช้กัญชาในลักษณะ
ต้องห้ามในการใช้กัญชา ผลข้างเคียงจากการใช้ หรือปริมาณที่ไม่ถูกต้องเรื่องของกฎหมายเกี่ยวกับ
กัญชาบำาบัดโรค รวมถึงความรู้พืชฐานในการมีกัญชา การมีกัญชาไว้ครอบครองในการรักษาโรคหน่วยงาน