Page 165 - วารสารกรมการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 17 ฉบับที่ 2
P. 165
J Thai Trad Alt Med Vol. 17 No. 2 May-Aug 2019 303
ทางด้านการศึกษาในห้องปฏิบัติการ ที่เป็นการมุ่งเน้น สำาคัญไม่น้อย (2) การใช้คำาเรียกชื่อสมุนไพรแบบ
การหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุนในด้าน ภาษาไทยภาษาอังกฤษและชื่อวิทยาศาสตร์นั้นยัง
คุณภาพ ประสิทธิผลและความปลอดภัย และเป็นการ มีความสับสนอยู่มาก แม้ว่าจะนำามาจากฐานข้อมูล
ศึกษาสมุนไพรใดสมุนไพรหนึ่ง ยังขาดการรวบรวม ที่รวบรวมผลงานตีพิมพ์ที่เป็นมาตรฐานแล้วก็ตาม
ข้อมูลการใช้สมุนไพรทั้งหมด การระบุรายชื่อประเทศที่มีการบริโภคสมุนไพรสูงสุด
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ยังขาดความน่าเชื่อถือ แม้แต่ในรายงานที่พอจะหาได้
สถานการณ์งานวิจัยสมุนไพรไทยตามกลุ่มรูปแบบ ชื่อ “Natural Healing and Prevention: Renewed
งานวิจัย ร่วมกับการจัดทำาแนวทางข้อเสนอเชิง Perspectives on Herbal and Traditional Prod-
นโยบายต่อการวิจัยทางสมุนไพรของประเทศ โดย ucts’’ ซึ่งเป็นผลการศึกษาโดย Euromonitor
[10]
มุ่งหวังที่จะได้รวบรวมข้อมูลรายชื่อสมุนไพรสำาคัญ International ยังได้กล่าวถึงเพียง 12 ประเทศ (จีน
ต่างๆที่มีผู้นำามาศึกษา ผลของการดำาเนินการครั้งนี้จะ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เยอรมัน ไต้หวัน อิตาลี
สามารถนำาไปตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ข้อที่ 1 ว่าด้วยการ อินเดีย อินโดนีเซีย เม็กซิโก บราซิล และไทย) ก็ยัง
ส่งเสริมผลิตผลของสมุนไพรไทยที่มีศักยภาพตาม ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับมูลค่าการบริโภค (3) การใช้ฐาน
ความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ตาม ข้อมูลของ ThaiLis ไม่ครอบคลุมสมุนไพรทั้งประเทศ
แผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย เนื่องจากขาดฐานข้อมูลของ ThaiJo และสำานักงาน
ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2560 – 2564 [1] การวิจัยแห่งชาติ (วช.)
แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการสำารวจงานวิจัยด้านการ
แพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน การแพทย์ทางเลือก ข้อสรุป
และสมุนไพรย้อนหลัง 10 ปี (พ.ศ. 2543 – 2552) [9] รูปแบบงานวิจัยที่ได้จากการทบทวนวรรณกรรม
แล้วก็ตาม แต่งานวิจัยนั้นมุ่งศึกษา รวบรวมข้อมูล ทั้งในและต่างประเทศมีดังนี้ การศึกษาในห้องปฏิบัติ
และแยกประเภทโจทย์วิจัยออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่ การ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การศึกษาเชิงคุณภาพ
ด้านการแพทย์แผนไทย ด้านการแพทย์พื้นบ้าน ด้าน การวิจัยการตลาด การสำารวจพฤติกรรมผู้บริโภค
การแพทย์ทางเลือก ด้านสมุนไพร และด้านงานวิจัย การศึกษาในสัตว์ทดลอง การสำารวจผู้ให้บริการ/ผู้
เชิงระบบ ไม่ได้มุ่งเน้นศึกษารายชื่อสมุนไพรหรือชนิด ผลิต การวิจัยคลินิกระยะที่ 1-4 การประเมินผลทาง
ของสมุนไพรอย่างชัดเจน รวมทั้งที่ผ่านมาทิศทางของ เศรษฐศาสตร์ การทบทวนวรรณกรรม และการสำารวจ
งานวิจัยค่อนข้างกระจัดกระจาย ส่วนใหญ่เป็นการ ข้อมูลสมุนไพร ซึ่งพบว่างานวิจัยสมุนไพรไทยพบรูป
วิจัยตามความถนัดของตนเอง ขาดการกำาหนดทิศทาง แบบการศึกษาในเชิงคุณภาพ การทบทวนวรรณกรรม
การวิจัยของประเทศ [1] และการศึกษาคลินิกระยะที่ 1-4 น้อย นอกจากนี้แล้ว
การทบทวนอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับงานวิจัย ความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้มีการตกลงผลการ
สมุนไพรของไทยและต่างประเทศที่ได้นำาเสนอครั้งนี้ ศึกษาร่วมกัน ให้ข้อเสนอว่า นโยบายสมุนไพรระดับ
ยังมีข้อจำากัดอยู่มากเนื่องจาก (1) ยังไม่ครอบคลุม ชาติยังไม่เพียงพอต่อการบูรณาการงานวิจัยเพื่อ
เนื้อหาส่วนที่ยังไม่ได้รับการตีพิมพ์ซึ่งน่าจะมีความ การนำาไปใช้ และให้ข้อเสนอเชิงนโยบายในการขับ