Page 53 - วารสารกรมการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 20 ฉบับที่ 1
P. 53
J Thai Trad Alt Med Vol. 20 No. 1 Jan-Apr 2022 33
สกลนคร โดยใช้วิธีการกลั่นน�้ามันหอมระเหยด้วย ประเมินภาวะทางด้านอารมณ์หลังการทดลองทันที
ความร้อน (water distillation & hydro-distil- น�าข้อมูลที่ได้จากการศึกษามาวิเคราะห์ข้อมูลใช้
lation) เป็นน�้ามันหอมระเหยสกัดเข้มข้น 100 % สถิติเชิงพรรณนา Chi-square และ paired t-test
น�าน�้ามันหอมระเหยบรรจุในขวดสีชา ปริมาตร 5
มิลลิกรัม เพื่อเตรียมไว้ส�าหรับท�าการทดลอง 4. จริยธรรมก�รวิจัยในมนุษย์
ขั้นตอนที่ 2 การเก็บรวบรวมข้อมูล การศึกษานี้ ได้รับอนุมัติจริยธรรมการวิจัย
เก็บรวบรวมข้อมูลก่อนการทดลองด้วย ในมนุษย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต
แบบสอบถาม โดยพัฒนาจากงานวิจัยที่ผ่านมา เพื่อ เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร โดยยึดหลักเกณฑ์
ให้เหมาะสมกับบริบทของการเก็บรวบรวมข้อมูล โดย ตามค�าประกาศเฮลซิงกิ (Declaration of Helsinki)
ให้ผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่านตรวจสอบความเที่ยงตรงของ และแนวทางการปฏิบัติการวิจัยทางคลินิกที่ดีของ
เนื้อหา มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item – ไอซีเอช (ICH GCP Guideline) เลขที่ Kucsc.HE-
Objective Congruence : IOC) เท่ากับ 1.00 เก็บ 64-001 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564
รวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม ประกอบด้วย
3 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป ส่วนที่ 2 แบบ ผลก�รศึกษ�
ประเมินความจ�า ประยุกต์ใช้ Memory Test และ การศึกษาครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมวิจัยทั้งหมด 60 คน
[12]
ส่วนที่ 3 แบบประเมินภาวะทางอารมณ์ ประยุกต์ใช้ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 15 คน ข้อมูลทั่วไป จ�าแนก
Bond-Ladder Questionnaire ซึ่งเป็นแบบประเมิน ข้อมูลตาม เพศ ชั้นปีที่ก�าลังศึกษา ผลการเรียนเฉลี่ย
[5]
Visual Analogue Scale เพื่อให้ผู้เข้าร่วมวิจัยวงกลม ประวัติการแพ้สมุนไพร และการรับประทานยา/อาหาร
ตัวเลขระหว่าง 0 และ 10 โดยประยุกต์ใช้โปรเจคเตอร์ เสริมในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ในกลุ่มที่ 1 ได้รับการสูด
แสดงค�าถามด้วยโปรแกรม powerpoint ดมน�้ามันหอมระเหยผักแขยง กลุ่มที่ 2 ได้รับการสูด
การทดสอบ โดยน�าแผ่นกระดาษทดสอบกลิ่น ดมน�้ามันหอมระเหยหูเสือ กลุ่มที่ 3 ได้รับการสูดดม
ความกว้าง 7 เซนติเมตร 5 ยาว 15 เซนติเมตร หยด น�้ามันหอมระเหยโหระพา และกลุ่มที่ 4 ได้รับการสูด
น�้ามันหอมระเหย จ�านวน 1 หยดต่อแผ่น ให้กลุ่ม ดมน�้ามันแก้ว ผลการวิเคราะห์ไม่พบความแตกต่าง
ตัวอย่างสูดดมกลิ่นที่ได้รับการสุ่มคนละ 1 กลิ่น โดย กันอย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติระหว่างกลุ่มทั้ง 4 กลุ่ม
แกว่งมือเบา ๆ ไปมา ระยะห่างจากจมูก 20 เซนติเมตร (p < 0.05) (ตารางที่ 1)
เป็นเวลา 3 นาที เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ จากการศึกษาพบว่าเมื่อท�าการประเมินความจ�า
ท�าให้น�้ามันหอมระเหยผ่านเข้าสู่โพรงจมูกไปสู่สมอง ซึ่งประยุกต์ใช้ Memory Test กลุ่มที่ได้รับการสูด
[12]
และส่งผลกระตุ้นการท�างานของสมอง ท�าให้เกิดการ ดมน�้ามันหอมระเหยผักแขยงเปรียบเทียบก่อนและ
เปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าสมอง (electroencepha- หลังทดลองแตกต่างกันอย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติ
lography : EEG) และส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทาง กลุ่มที่ได้รับการสูดดมน�้ามันหอมระเหยหูเสือ โหระพา
อารมณ์ ความตื่นตัว [13] และน�้ามันแก้ว ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยส�าคัญทาง
ท�าการทดสอบโดยการประเมินความจ�า และ สถิติ (p < 0.05) (ตารางที่ 2)