Page 265 - วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก ปีที่ 19 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2564
P. 265
J Thai Trad Alt Med Vol. 19 No. 2 May-Aug 2021 495
โดยในงานที่เป็น RCT พบว่าในกลุ่มที่ได้รับ acar- การรับประทานที่ง่ายกว่า สิ่งเหล่านี้ก็เป็นปัจจัยที่ส่ง
bose มีอุบัติการณ์การเกิดเบาหวานเท่ากับร้อยละ ผลให้มีประโยชน์ และการใช้งานที่แตกต่างกันในยา
32 ในขณะที่กลุ่มที่ใช้ยาหลอกเท่ากับร้อยละ 42 ทั้งสองชนิด
(RR 0.75, 95%CI 0.63–0.90) แต่อย่างไรก็ตามมีถึง ประการต่อมาคือ ผลการศึกษาทั้ง 2 งานมุ่งเน้น
ร้อยละ 25 ที่หยุดการรักษาในช่วงเริ่มต้น โดยมาก ผลการศึกษาที่แตกต่างกันโดยงานแรก จะมุ่งเน้นการ
้
แล้วเกิดจากการทนต่ออาการทางระบบทางเดินอาหาร ลดระดับนำาตาล เพื่อป้องกันการเกิดเบาหวานในกลุ่ม
้
ไม่ได้ ที่มีระดับนำาตาลอดอาหารสูง ในขณะที่อีกการศึกษา
แต่เมื่อหยุดยาแล้ว พบว่า มีร้อยละ 15 ที่เกิด เป็นการเปรียบเทียบในกลุ่ม metabolic syndrome
เบาหวาน ภายใน 3 เดือนภายหลังจากหยุดยา ใน ซึ่งมีความแตกต่างในหลายประเด็นที่นอกเหนือจาก
้
ขณะที่กลุ่มที่ได้รับยาหลอกมีเพียงร้อยละ 10.5 ระดับนำาตาล
อย่างไรก็ตามกลุ่มที่ได้รับ acarbose ลดการเกิดอุบัติ แต่จากข้อมูลที่ได้ พบว่าสารสกัดเคอร์คูมินที่ได้
การณ์ของโรคหลอดเลือดหัวใจลงได้จาก ร้อยละ 4.7 จากขมิ้นชัน และยา acarbose ต่างก็มีประสิทธิผลใน
เป็น ร้อยละ 2.1 [hazard ratio (HR) 0.51, 95%CI การลดอุบัติการณ์การเกิดเบาหวาน โดยในสารสกัด
0.28–0.95] [10] เคอร์คูมิน สามารถป้องกันการเกิดเบาหวานได้ดีกว่า
ยาหลอก ร้อยละ 0 เทียบกับ 16.4 และใน acarbose
อภิปร�ยผล เท่ากับร้อยละ 32 เทียบกับร้อยละ 42 เนื่องจากยาทั้ง
ถึงแม้ว่าผลที่ได้จากการศึกษาทางคลินิกของทั้ง คู่มีประสิทธิผลในการลดอัตราการเกิดเบาหวาน จึง
acarbose และ curcumin จะมีผลในการป้องกันการ มีความจำาเป็นที่ต้องมีการศึกษาเปรียบเทียบถึงความ
เกิดเบาหวาน และลดการหนาตัวของเส้นเลือดได้ทั้งคู่ คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ต่อไป โดยหากมีความคุ้มค่า
แต่กลไกการออกฤทธิ์ต่างกัน โดยที่ acarbose เกิด และภาระงบประมาณเป็นไปได้ การตัดสินใจให้มีการ
[13]
จากการยับยั้งการดูดซึมแป้ง ในขณะที่ curcumin ปรับข้อบ่งชี้การใช้ยาทั้ง 2 ในการป้องกันเบาหวาน ก็จะ
มีการออกฤทธิ์ที่ซับซ้อนในหลาย ๆ กลไก เช่น การ เป็นสิ่งที่ควรแนะนำา ในการปรับปรุงบัญชียาหลักแห่ง
[25]
กระตุ้น PPAR-g และการเพิ่มอินซูลินในเลือด จึง ชาติต่อไป การศึกษานี้มีจุดมุ่งหมายในการทบทวนการ
เป็นเหตุหนึ่งที่อาจจะไม่มีการทำาวิจัยเพื่อเปรียบเทียบ ใช้ยาขมิ้นชัน แต่ข้อมูลที่ใช้เป็นสารสกัดเคอร์คูมินที่
แบบตรง ๆ ในยาทั้งสองตัวดังกล่าว จากกลไกที่แตก เป็นองค์ประกอบหลักในขมิ้นชัน จึงทำาการทดสอบ
ต่างกันทำาให้ประโยชน์ที่ได้อาจจะมีความแตกต่างกัน เชิงอภิมานของสารสกัดเคอร์คูมินในขมิ้นชันเท่านั้น
บ้าง และอาการข้างเคียงก็พบว่าแตกต่างกันมากเช่น สำาหรับการศึกษาครั้งต่อไป ควรมีการเปรียบเทียบ
กัน ซึ่งยา acarbose มีอาการข้างเคียงที่สำาคัญคือ network meta-analysis ทั้งในด้านประสิทธิผล
ท้องอืด และปวดท้อง ขณะที่การรับประทานขมิ้น การลดการเกิดเบาหวาน และผลข้างเคียงโดยเฉพาะ
[34]
ชันจะไม่มีอาการเหล่านั้น และยังสามารถลดอาการ อุบัติการณ์การเกิดเหตุที่เกี่ยวเนื่องกับหลอดเลือด
ท้องอืดได้ด้วย แต่ข้อเสียที่สำาคัญของขมิ้นชันคือ โดยมีประเด็นที่สำาคัญคือ การลดความเสี่ยงของการ
ต้องรับประทานยาปริมาณมาก ทำาให้ยา acarbose มี เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ อนึ่งมีหนึ่งในการศึกษาที่