Page 214 - วารสารกรมการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 17 ฉบับที่ 3
P. 214

564 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก       ปีที่ 17  ฉบับที่ 3  กันยายน-ธันวาคม 2562




           ขอบ เมล็ด รูปไข่ สีด�ำ [2-4]                กำนซู ชิงไห่ และเขตปกครองตนเองทิเบต พบขึ้น
                พืชชนิดนี้มี 2 พันธุ์ คือ พันธุ์ R. tanguticum   บริเวณที่สูงจำกระดับน�้ำทะเล 1,600-3,000 เมตร

           (Maxim. ex Regel) Maxim. ex Balf. var. tang-  ออกดอกเดือนมิถุนำยน เป็นผลเดือนกรกฎำคมถึง
           uticum ซึ่งต้นสูง 1.5-2 เมตร เกลี้ยง หรือ มีขนแข็ง  สิงหำคม [3-4]
           เอนบริเวณข้อตำมส่วนบนของต้น ช่อดอกแตกกิ่ง       ลักษณะเครื่องยา โกฐน�้ำเต้ำมีลักษณะเป็นก้อน

           มำกกว่ำ และพันธุ์ R. tanguticum (Maxim. ex Re-  รูปกึ่งทรงกระบอก รูปกรวย รูปไข่ หรือเป็นชิ้นที่มีรูป
           gel) Maxim. ex Balf. var. liupanshanense C.Y.   ร่ำงไม่แน่นอน ยำว 3-17 เซนติเมตร เส้นผ่ำน
           Cheng & T.C. Kao ซึ่งมีล�ำต้นสูง 0.6-1 เมตร มีขน  ศูนย์กลำง 3-10 เซนติเมตร ผิวนอกสีน�้ำตำลแกมสี

           นุ่มหนำแน่น ช่อดอกแตกกิ่งน้อยกว่ำ           เหลือง หรือสีน�้ำตำลแกมสีแดงเมื่อลอกผิวออก เนื้อ
                                                       แน่น แต่อำจมีเนื้อนุ่มตรงกลำง รอยหักสีน�้ำตำลแกม
           ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์               สีแดง หรือสีน�้ำตำลแกมสีเหลือง ส่วนเหง้ำมักมีไส้เนื้อ

                1.  ต้นโกฐน�้ำเต้ำชนิด R. officinale Baill. มี  ไม้กว้ำง มีจุดรูปดำวซึ่งเป็นมัดท่อล�ำเลียงที่ผิดปรกติ
           เขตกำรกระจำยพันธุ์ในประเทศสำธำรณรัฐประชำชน  เรียงเป็นวงหรือกระจำยไม่สม�่ำเสมอ ส่วนที่เป็นรำกมัก

           จีน พบที่มณฑลฝูเจี้ยน กุ้ยโจว เหอหนำน หูเป่ย์    มีเนื้อไม้ มีเส้นตำมแนวรัศมี วงแคมเบียมเห็นได้ชัดเจน
           ฉ่ำนซี ซื่อชวน และหยุนหนำน ขึ้นตำมเนินเขำหรือใน  ไม่มีจุดรูปดำว มีกลิ่นเฉพำะ รสขม ฝำดเล็กน้อย เมื่อ
           ป่ำดิบเขำ ที่สูงจำกระดับน�้ำทะเล 1,200-4,000 เมตร   เคี้ยวจะเหนียวและรู้สึกว่ำเป็นเม็ดหยำบ ๆ [2-3,5]

           ปลูกกันทั่วไปในประเทศสำธำรณรัฐประชำชนจีน        องค์ประกอบทางเคมี โกฐน�้ำเต้ำมีสำรส�ำคัญ
           เพื่อใช้เป็นยำ ออกดอกระหว่ำงเดือนพฤษภำคม    กลุ่มแอนทรำควิโนน (anthraquinones) ซึ่งเป็นอนุ

           ถึงมิถุนำยน เป็นผลระหว่ำงเดือนสิงหำคมถึง    พันธุ์ของสำรไฮดรอกซีแอนทรำซีน (hydroxyanthra-
           กันยำยน [3-4]                               cene) แบ่งเป็น 3 กลุ่มย่อย คือ กลุ่มย่อยแอนทรำ-
                2.  ต้นโกฐน�้ำเต้ำชนิด R. palmatum L. โกฐน�้ำ  ควิโนนเสรี (free anthraquinones) เช่น คริโซฟำนอล

           เต้ำชนิดนี้มีเขตกำรกระจำยพันธุ์ในประเทศ     (chrysophanol), อีโมดิน (emodin), เรอิน (rhein),
           สำธำรณรัฐประชำชนจีน พบที่มณฑลกำนซู หูเป่ย์ ชิง  กลุ่มย่อยแอนทรำควิโนนไกลโคไซด์ (anthraqui-
           ไห่ ฉ่ำนซี เสฉวน หยุนหนำน เขตปกครองตนเอง    none glycosides) เช่น เรอิโนไซด์เอ (rheinoside

           มองโกเลียใน และเขตปกครองตนเองทิเบต ตำมเนิน  A),  เรอิโนไซด์บี  (rheinoside  B),  เรอิ-
           เขำหรือในหุบเขำ ที่สูงจำกระดับน�้ำทะเล 1,500–4,400   โนไซด์ซี (rheinoside C), เรอิโนไซด์ดี (rheinoside
           เมตร เป็นพืชปลูกเพื่อใช้ประโยชน์ทำงยำในประเทศ  D), คริโซฟำเนอิน (chrysophanein), กลูโคอีโมดิน

           สำธำรณรัฐประชำชนจีนและสหพันธรัฐรัสเซีย      (glucoemodin), พำลเมทิน (palmatin), และกลุ่ม
           ออกดอกเดือนมิถุนำยน เป็นผลเดือนสิงหำคม [3-4]  ย่อยไบแอนโทรน (bianthrones) เช่น เซนโนไซด์เอ

                3.  ต้นโกฐน�้ำเต้ำชนิด R. tanguticum (Max-  (sennoside A), เซนโนไซด์บี (sennoside B),
           im. ex Regel) Maxim. ex Balf. มีเขตกำรกระจำย  เซนโนไซด์ซี (sennoside C), เซนโนไซด์ดี (senno-
           พันธุ์ในประเทศสำธำรณรัฐประชำชนจีนที่มณฑล    side D), เซนโนไซด์อี (sennoside E), เซนโนไซด์เอฟ
   209   210   211   212   213   214   215   216   217   218   219