Page 298 - วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก ปีที่ 19 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2564
P. 298

528 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก      ปีที่ 19  ฉบับที่ 2  พฤษภาคม-สิงหาคม 2564




           จังหวัดสมุทรปราการ หัวหน้าภาควิชาการแพทย์   ทัศนคติเกี่ยวกับการรักษาด้วยแพทย์แผนไทย และ
           แผนไทย และอาจารย์ประจำาภาควิชา จากวิทยาลัย  การเข้าถึงบริการกับการใช้บริการการแพทย์แผน-

           เทคโนโลยีทางการแพทย์และสาธารณสุข กาญจนา     ไทยโดยใช้สถิติไคสแควร์ (Chi-square test) และ
           ภิเษก ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นผู้อยู่ในวิชาชีพแพทย์  วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยสนับสนุนเกี่ยว
           แผนไทยมีประสบการณ์ด้านการบริหาร วิชาการและ  กับการใช้บริการการแพทย์แผนไทยกับการใช้บริการ

           การวิจัย มีการปรับปรุงจนทุกข้อคำาถามมีค่าดัชนี  การแพทย์แผนไทยของประชาชน โดยการหาค่าสัม
           ความสอดคล้องส่วนที่ 1 คุณลักษณะส่วนบุคคล    ประสิทธ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน (Pearson’s Correla-
           เท่ากับ 0.95 ส่วนที่ 2 ความรู้เกี่ยวกับบริการการแพทย์   tion Coefficient)

           แผนไทย และส่วนที่ 3 ทัศนคติเกี่ยวกับการรักษา
           ด้วยแพทย์แผนไทย เท่ากับ 0.96 ส่วนที่ 4 การเข้า           ผลก�รศึกษ�
           ถึงบริการแพทย์แผนไทย ส่วนที่ 5 ปัจจัยสนับสนุน     1.  ข้อมูลคุณลักษณะส่วนบุคคล

           เกี่ยวกับการใช้บริการการแพทย์แผนไทย และส่วนที่      กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ
           6 การใช้บริการการแพทย์แผนไทย เท่ากับ 1 และส่วน  77.2 มีอายุระหว่าง 51-60 ปี ร้อยละ 30.6 ประกอบ

           ที่ 7 ผลลัพธ์และข้อเสนอแนะในการรับบริการ เท่ากับ   อาชีพแม่บ้านมากที่สุด ร้อยละ 33.9 รองลงมาคือ
           0.84 พิจารณาหาค่าอำานาจจำาแนก (discrimination)   อาชีพค้าขาย ร้อยละ 17.5 รับจ้างทั่วไป ร้อยละ 16.9
           ส่วนที่ 2 มีค่าอำานาจจำาแนกสำาหรับตัวถูก +0.20    พนักงานรัฐ/รัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 7.8 รับราชการ

           ขึ้นไป จากนั้นนำาไปหาค่าความเชื่อมั่น (reliabil-  ร้อยละ 7.5 ธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 6.9 พนักงาน/ลูกจ้าง
           ity)ส่วนที่ 3 5 และ 6 มีค่าสัมประสิทธิ์อัลฟ่าของ   โรงงาน ร้อยละ 6.1 และอื่น ๆ ได้แก่ วินมอเตอร์ไซค์

           ครอนบาค เท่ากับ 0.85                        รับจ้าง รับจ้างเลี้ยงเด็ก เป็นต้น ร้อยละ 3.3 ตามลำาดับ
                                                       รายได้ต่อเดือนอยู่ระหว่าง 5,001-10,000 บาท ร้อยละ
           2. วิธีก�รศึกษ�                             42.8 รองลงมาระหว่าง 10,001-15,000 บาท ร้อยละ


                2.1 การเก็บรวบรวมข้อมูล                27.5 ระหว่าง 15,001-20,000 บาท ร้อยละ 14.4 ตำา ่
                การศึกษานี้ขอความร่วมมือแพทย์แผนไทย    กว่า 5,000 บาท ร้อยละ 10.3 ระหว่าง 20,001–25,000
           ในสถานีอนามัยและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำา    บาท ร้อยละ 3.3 และมากกว่า 25,000 บาท ร้อยละ

           หมู่บ้าน (อสม.) ให้เป็นผู้ช่วยวิจัย ซึ่งผ่านการทำาความ  1.7 ตามลำาดับ การศึกษาสูงสุด ระดับประถมศึกษา
           เข้าใจเกี่ยวกับวิธีการเก็บข้อมูลและแบบสอบถาม  ร้อยละ 28.6 รองลงมาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น/
           เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งให้ผู้เข้าร่วมวิจัยลงนามในใบ  เทียบเท่า ร้อยละ 25.3 ปริญญาตรี ร้อยละ 17.5

           ยินยอมเข้าร่วมโครงการวิจัย (informed consent)   อนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 13.6 และระดับสูง
           ด้วย                                        กว่าปริญญาตรี ร้อยละ 0.8 ตามลำาดับ สิทธิรักษา

                2.2 การวิเคราะห์ข้อมูล                 พยาบาลเป็นสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า ร้อย
                วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างคุณลักษณะ   ละ 62.8 รองลงมาสิทธิประกันสังคม ร้อยละ 21.4
           ส่วนบุคคล ความรู้เกี่ยวกับบริการการแพทย์แผนไทย    ข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 13.1 ประกัน
   293   294   295   296   297   298   299   300   301   302   303