Page 174 - วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก ปีที่ 19 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2564
P. 174

404 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก      ปีที่ 19  ฉบับที่ 2  พฤษภาคม-สิงหาคม 2564




           2%) ลงไป แล้วตามด้วย NaCMC และ pectin ลงไป   ตะกอน และความคงสภาพของเพสท์
           จากนั้นกวนอย่างต่อเนื่อง                          3) การดูการเกาะติดผิว [peak force (N)]

                  2.2.3 นำา Plastibase มาผสมกับ Orahe-  โดยใช้เครื่องทดสอบเนื้อสัมผัส ด้วยเครื่อง texture
           sive base ทั้งสูตร A และสูตร B ในอัตราส่วน   analyser (Stable Micro System รุ่น TA.XTplus
                Plastibase : Orahesive base เป็น 60:40,   ประเทศอังกฤษ) ใช้หัววัด Radiused Cylinder

           50:50 และ 40:60 ผสมให้เข้ากันในโกร่งแก้ว    Probe เส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ใส่ Sodium
                หมายเหตุ : ในการเตรียมเพสท์ทั้ง 6 สูตร ผล  alginate จำานวน 0.3 กรัม ลงไปใน probe แล้วใส่
           ปรากฏว่า Orahesive Base ของสูตรที่ B1-B3 ละลาย  เพสท์ลงไป 0.3 กรัม จากนั้นนำา sodium alginate ไป

           ได้ไม่หมด และไม่สามารถขึ้นรูปเป็นเพสท์ได้ จึงไม่  สัมผัสกับหัววัด แล้วกำาหนดค่าการทดสอบโดย เลือก
           สามารถดำาเนินขั้นตอนต่อไปได้                ที่ T.A. Setting : Mucoadhesion Test ทดสอบใน
                2.3 การทดสอบความคงสภาพของเพสท์         อุณหภูมิห้อง (25 องศาเซลเซียส) แล้วนำามา เปรียบ

                นำาเพสท์ทั้ง 3 สูตร (สูตร A1-A3) ที่ได้มา  เทียบค่ามาตรฐานกับเพสท์ที่วางขายตามท้องตลาด
           ทดสอบความคงสภาพ เพื่อหาสูตรที่มีความคงสภาพ        4) นำาข้อมูลมาวิเคราะห์ทางสถิติด้วย

           จากทั้ง 3 สูตร                              โปรแกรม SPSS
                  2.3.1 การทดสอบที่อุณหภูมิร้อนสลับเย็น      2.4 การเตรียมยากวาดแสงหมึกในรูปเพสท์
           (heating-cooling cycle) เพื่อศึกษาความคงสภาพ  ป้ายปาก

                                    [5]
           ของเพสท์ในอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป โดยการเก็บเพสท์        2.4.1 การคำานวณปริมาณสารสกัดที่ใช้ใน
           บรรจุในขวดแก้วไว้ที่อุณหภูมิ 45 องศาเซลเซียส   การป้ายปากแต่ละครั้ง

           เป็นเวลา 48 ชั่วโมง แล้วนำามาเก็บที่อุณหภูมิ 4 องศา       ในการป้ายปาก 1 ครั้ง จะใช้ตำารับยากวาด
           เซลเซียส เป็นเวลา 48 ชั่วโมง คิดเป็น 1 รอบ ทำาซำา ้  แสงหมึกแบบผง 0.1 กรัม เมื่อนำายากวาดแสงหมึก
           เช่นนี้จนครบ 7 รอบ แล้วนำามาวิเคราะห์คุณภาพของ  มาสกัดให้เป็นสารสกัดจะได้สารสกัด x มิลลิกรัม

           เพสท์ ดังนี้                                เป็นปริมาณสารสกัดที่ใช้ในการป้ายปาก 1 ครั้ง จาก
                                    ่
                  1) การดูสี และความสมำาเสมอของเนื้อเพสท์   การสกัดผงยากวาดแสงหมึกทั้งหมด 4,560 กรัม ใน
                                ่
           ด้วยตาเปล่า และดูความสมำาเสมอของเนื้อเพสท์ผ่าน  เอทานอล จะได้สารสกัด 774.05 กรัม ดังนั้น ในการ
           กล้องจุลทรรศน์ ที่มีกำาลังขยาย 4X           ป้ายปาก 1 ครั้ง จะได้ x เท่ากับ 0.017 กรัม
                  2) การทดสอบโดยเครื่องหมุนเหวี่ยงดูการ       2.4.2 การคำานวณปริมาณเพสท์ที่ใช้ในการ
           ตกตะกอน และความคงสภาพ (centrifuge test)     ป้ายปากแต่ละครั้ง

           โดยการ นำาเพสท์ 1 กรัม ใส่ใน Eppendorf tube        จากการคำานวณหาค่าเฉลี่ยในการใช้เพสท์
           ขนาด 0.5 มิลลิลิตร ปั่นแยกด้วยเครื่อง centrifuge   ป้ายปากที่วางขายตามท้องตลาด ปริมาณ 1 กรัม

           ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 5, 15 และ 30   (1,000 มิลลิกรัม) จำานวน 3 ซอง จะได้ค่าเฉลี่ยที่ใช้
           นาที ด้วยความเร็ว 2,000 รอบต่อนาที (Tempera-  ในการป้ายปากต่อซอง คือ 20 ครั้ง ดังนั้น ปริมาณใน
           ture Controlled Centrifuge) จากนั้นสังเกตการตก  การใช้เพสท์ป้ายปาก 1 ครั้ง จะได้ 1/20 = 0.05 กรัม
   169   170   171   172   173   174   175   176   177   178   179